วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

จัดสวนริมระเบียงคอนโดอย่างไรให้สวย

จัดสวนริมระเบียงคอนโดให้สวย

จัดสวนในคอนโดมิเนียมอย่างไรกับพื้นที่ที่มีเพียงน้อยนิดเป็นคำถามที่น่าสงสัย แต่หาคำตอบได้ไม่ยาก สำหรับวันนี้เราได้นำเคล็ดลับดีๆมาฝากกัน ที่จะแนะนำทุกคนทุกท่านให้สามารถจัดสวนในคอนโดหลังน้อย ได้เป็นอย่างดี และลงตัวง่ายๆกับเคล็ดลับเหล่านี้

เริ่มแรกก็สำรวจพื้นที่ของเราก่อน
         ตรวจสอบตำแหน่ง "ท่อระบายน้ำฝน" และวัดระดับของพื้นระเบียงว่าต่ำกว่าพื้นภายในห้องเท่าใดไว้เป็นข้อมูลเบื้องต้นในการจัดตำแหน่ง เพราะตำแหน่งของท่อระบายน้ำนั้น สัมพันธ์ต่อการจัดวางตำแหน่งของกระบะต้นไม้หรืออ่างเลี้ยงปลา ซึ่งควรจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับท่อระบายน้ำ เพื่อไม่ให้กีดขวางช่องระบายทางน้ำของระเบียง ไม่เช่นนั้น เราอาจต้องคอยแก้ปัญหาน้ำท่วมตอนทำสวนเสร็จแล้วก็เป็นได้

         ระเบียงส่วนใหญ่นั้น จะมีข้อจำกัดที่มักจะแคบและยาวรับน้ำหนักมาก ๆ ไม่ได้ บางครั้งก็มีชายคาเป็นตัวกำหนดความสูงของต้นไม้ที่ราจะนำมาปลูก  ระเบียงห้องยังเป็นทางผ่านของแสงธรรมชาติที่สามารถสาดส่องแสงเข้าห้องเราอีก หากปลูกต้นไม้มากจนเกินไป อาจบังแสงทำให้ห้องมืด การจัดสวนระเบียงจึงต้องจัดให้พอดีกับขนาดพื้นที่ ไม่ควรเลือกต้นไม้ที่กินพื้นที่มากเกินไป ควรจะกำหนดรูปแบบการใช้งานให้ชัดเจน ว่าจะใช้นั่งนอนเอกขเนก หรือจะไว้แค่ชมวิวชั่วครั้งคราว หรือไม่ก็เอาไว้ชื่นชมความงามภายในห้อง เพื่อให้สวนของเราได้ตอบสนองความต้องการ สวนในพื้นที่ขนาดเล็กไม่ควรมีจุดเด่นที่มากเกินไปในสวน เพราะจะทำให้ดูเลอะเทอะ ซ้ำยังบั่นทอนความสวยงามของสวนให้ลดลงอีกด้วย

ข้อจำกัดของพื้นที่แนวราบน้ำ
         มีวิธีที่น่าสนใจโดยเลือกใช้ "พื้นที่แนวตั้ง" คือ พื้นที่ผนังกั้นระหว่างระเบียงของเรากับเพื่อนบ้านข้างเคียง อาจเลือกใช้ไม้ฝาสังเคราะห์ หรือกรุกระเบื้องแบบหินธรรมชาติ หรืออาจจะตีไม้ระแนงเว้นร่องก็ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับผนังได้ไม่น้อย การเลือกใช้วัดสุที่ดูเป็นธรรมชาตินี้ก็จะช่วยให้สวนของเรามีบรรยากาศที่ผ่อนคลายยิ่งขึ้น ยามเราเหนื่อยล้า พื้นที่ส่วนนี้เราสามารถติดตั้งชั้นวางที่ขนาดและสัดส่วนพอเหมาะกับผนัง ขนาดของชั้นควรกว้างประมาณ 15 – 20 ซม. สำหรับวางต้นไม้กระถางเล็ก ๆ หรือของตกแต่งดินเผาน่ารัก ๆ ก็ได้

พื้นระเบียง
         สำหรับพื้นระเบียงนั้น อาจจะเลือกใช้พื้นไม้หรือแผ่นพื้นไม้สำเร็จรูปก็มีให้เลือกใช้มากมาย หากเลือกใช้ไม้พื้นก็ต้องวางต้นไม้เหนือบริเวณพื้นก่อนที่จะปูไม้พื้นลงไป ให้ระยะห่างระหว่างตรงแต่ละตัวประมาณ 50 ซม. เพื่อระบายน้ำฝน ส่วนความหนาของไม้พื้นก็มักอยู่ที่ 1 – 1.5 นิ้ว แต่ถ้าไม่อยากยุ่งยากอาจเลือกใช้แผ่นไม้พื้นสำเร็จรูปก็ได้ แต่ถ้าไม่ชอบไม้กระเบื้องดินเผาก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ การปูพื้นไม่จำเป็นที่จะต้องปูเต็มพื้นที่จะเว้นช่องไว้โรยกรวดบ้างก็ได้ ยิ่งช่วยเพิ่มความหลากหลายด้วยการเล่นวัสดุ แต่สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญสูงสุด คือ เมื่อปูพื้นแล้วพื้นระเบียงมันไม่ควรจะสูงมากกว่าพื้นภายในห้อง มิฉะนั้นอาจก่อให้เกิดปัญหาน้ำฝนไหลเข้าห้องได้เวลาฝนตก

เลือกต้นไม้
         ก่อนที่จะปลูกต้นอะไร เราต้องรู้ก่อนว่าระเบียงของเรานั้น มีสภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร หากระเบียงของเราได้รับแดดไม่เต็มวัน ก็ต้องเลือกต้นไม้ที่สามารถอยู่รอดได้จำพวกไม้ทนร่ม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นไม้ใบชนิดต่าง ๆ เช่น เฟิร์น จั๋ง สาวน้อยประแป้ง เดหลี ฯลฯ แต่ในทางกลับกันนั้น หากระเบียงของเราได้แดดแบบเต็ม ๆ ก็ต้องเลือกไม้ที่ทนแดดได้ดี และไม่ควรเลือกต้นไม้ที่มีใบขนาดใหญ่มากเกินไป เพราะนอกจากจะกินพื้นที่แล้วของระเบียงแล้ว ลมบนตึกสูงจะพัดทำให้ใบฉีกขาดอีกด้วย แนะนำไม้ที่สามารถตัดแต่งพุ่มได้อย่างแก้ว หรือชาปัตตาเวียก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับสวนระเบียง ในพื้นที่เดียวกัน สวนจะน่าสนใจถ้าหากคุณเลือกพันธุ์ไม้ที่แตกต่างกันทั้งไม้ทรงสูง ไม้พุ่มขนาดกลาง และไม้คลุมดินเพื่อเลียนแบบลักษณะในธรรมชาติที่มีความหลากหลาย แต่ในความต่างนี้ต้องคำนึงถึงลักษณะพันธุ์ไม้ด้วย ให้มีลักษณะเดียวกัน หรือคล้ายกันอยู่ด้วยกัน เพื่อความสะดวกในการดูแล ลักษณะพันธุ์ไม้แบ่งได้ดังนี้ ไม้ที่ชอบแสงรำไร ไม้น้ำ ไม้ชอบแสงแดด ไม้อวบน้ำ และกล้วยไม้
เตรียมต้นไม้ก่อนปลูก
         เมื่อเลือกซื้อต้นไม้ได้แล้ว ต้นไม้ที่ซื้อมาใหม่ ๆ ยังไม่ควรนำมาปลูกทันที แต่ควรช่วยต้นไม้ตั้งตัวได้ซะก่อน โดยการนำออกจากถุงดำหรือกระถางมาพักไว้ในที่มีแดดรำไรสักหนึ่งคืน รดน้ำให้ชุ่มแล้วค่อยนำไปปลูกในกระถางในวันถัดไป ต้นไม้ที่มาจากร้านค้าส่วนใหญ่ ถูกปลุกในวัสดุเพราะชำมากกว่าปลูกในดิน ดังนั้น เมื่อเราจะปลูกลงกระถางก็ควรจะเปลี่ยนมาปลูกในดินที่เหมาะกับชนิดของ ต้นไม้ใหม่ทุกครั้ง

จัดวางต้นไม้ให้สวย
         การจัดวางที่เหมาะสม กับความสูงที่ลดหลั่นกัน ด้านหลังวางต้นไม้สูง ด้านหน้าวางต้นเตี้ยเหมือนกับธรรมชาติ ช่วยเพิ่มมิติในการมองบรรยากาศ การเรียงไม้กระถางที่อยู่ริมกระบะหรือชิดขอบกับทางเดินให้เอียงเล็กน้อย กิ่ง ก้าน ใบที่ยื่นล้ำออกมาจากแนวขอบจะทำให้สวนของเราดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น กระถางที่เลือกใช้ในการจัดสวนจะเลือกแบบเรียบ ๆ ควรจะมีสีเดียวอย่างดินเผาเพื่อพรางตัวของกระถางไม่ให้ดูเด่นสะดุดตาหรือก่อกระบะต้นไม้ จากอิฐบล็อกประสาน , อิฐมอญ หรือไม่หมอนเพื่อพรางสายตาก็ได้ แต่ในกลับกันแทนที่เราจะวางกระถางหลบ ๆ เราสามารถสร้างความต่างจากกระถางที่เลือกใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปทรง สีสัน หรือวัสดุที่แตกต่างกันเมื่อนำมาอยู่รวมกันจะสร้างความน่าสนใจ สำหรับมือใหม่หัดจัดสวนอย่างเรา ๆ การเลือกโทนสีแค่ 2 – 3 สี น่าจะช่วยป้องกันไม่ให้สีในสวนของเราเลอะเทอะเกินไป

ที่มา : cmc.co.th

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

บัญญัติ 7 ประการของชาวคอนโด

ข้อบัญญัติ 7 ประการของชาวคอนโด

        หลายคนอาจจะคิดว่า การอยู่คอนโดนั้นเป็นอิสระ ส่วนตัวดี ห้องใครห้องมัน ปิดประตูใส่กลอนล็อคกุญแจ รูดผ้าม่านหน้าต่างปิดมิด กันสายตาที่สอดรู้สอดเห็น ที่นี้คุณจะทำอะไรก็ได้ จะหกคะเมนตีลังกาใส่ผ้าหรือถอดผ้า แต่อาจจะมีบางคนไม่รู้เลยว่า ถ้าหากอยู่บ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮ้าส์ แล้วค้างค่าน้ำค่าไฟ ก็จะถูกตัดน้ำตัดไฟ หรือโทรศัพท์ก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าคุณอยู่คอนโดมิเนียมอาจจะหนักกว่านี้ คือไม่เพียงถูกตัดน้ำตัดไฟ อาจจะถูกล็อคห้องไม่ให้คุณนั้นเข้าไปใช้ประโยชนอีกด้วย และนี่เป็นเรื่องจริง ที่ทางนิติบุคคลอาคารชุด ได้มีสิทธิตามกฎหมายที่จะทำ และเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น แล้วถ้าหากถึงที่สุดแล้ว ทางนิติบุคคลอาคารชุดจะเข้ามายึดทรัพย์ในห้องชุดไปขายหรือกระทั่งการบังคับขายห้องชุดห้องใดห้องหนึ่งเพื่อชำระหนี้ยังอยู่ในขอบข่ายอำนาจทางกฎหมายที่นิติบุคคลอาคารชุดมีสิทธิทำได้อีกด้วย โอ้โห!ไหงเป็นอย่างงั้นได้

        คุณต้องอาศัยศึกษาข้อกฎหมายบ้าง มาดู ก่อนอื่นพึงรู้ว่า การอยู่อาศัยในอาคารห้องชุดหรือคอนโดมิเนียมนั้น มีกฎหมายหลักที่เกี่ยวข้อง คือ พระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 กฎหมายนี้ได้กำหนดเรื่องราวของนิติบุคคลอาคารชุดไว้รอบด้านเลยทีเดียว

  • การเป็นเจ้าของร่วมกัน
  • ความรับผิดชอบร่วมกัน
  • การบริหารจัดการ
  • อำนาจและบทบาทของผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุด
  • ระเบียบพื้นฐานที่คนคอนโดฯ ต้องทำตาม
  • อำนาจบังคับชำระหนี้
  • คนอยู่คอนโดฯ ใจต้องโตกว่าตึก


ชีวิตของคนคอนโด ต้อง "โตแล้ว" ซึ่งความหมาย คือ ต้องสามารถบังคับใจของตนเองให้อยู่ในกฎระเบียบ เพื่อส่วนรวมเป็นเบื้องต้น และให้ความร่วมมือกับส่วนรวม เพื่อโน้มน้าวชักชวนเพื่อนร่วมคอนโดฯเดียวกันให้ปฏิบัติเพื่อส่วนรวม อันหมายถึง การปฏิบัติทำตามข้อกำหนดของอาคารชุดอย่างครบถ้วน

ประโยชน์ที่ได้รับคือ ความผาสุกของชาวคอนโด และความเจริญของตัวอาคาร และสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ภายในโครงการที่เป็นทรัพย์สินส่วนกลางหรือสมบัติร่วมกัน ควรระลึกถึงก่อนและหลังเข้าไปอยู่คอนโดก็คือ "อยู่ตึกคอนโดฯ ใจต้องโตกว่าตึก"

บัญญัติ 7 ประการของชาวคอนโด

จุดเริ่มต้นก็คือ
        การที่เข้ามาเป็นเจ้าของร่วมกัน นั่นคือผู้อยู่อาศัยภายในคอนโด นอกจากเป็นเจ้าของห้องชุดที่ซื้อแล้ว ยังจะเป็นเจ้าของร่วมในทรัพย์สินส่วนกลางต่าง ๆ อีกด้วย

"มาตรา 14 กรรมสิทธิ์ส่วนที่เป็นเจ้าของร่วมกันในทรัพย์ส่วนกลาง ให้เป็นไปตามอัตราส่วนระหว่างราคาของห้องชุดกับราคารวมของห้องชุดทั้งหมดนั้นในขณะที่ขอจดทะเบียนอาคารชุด"

อันดับที่ 2
        ความรับผิดชอบ การเป็นเจ้าของมักจะมาควบคู่กับความรับผิดชอบเสมอ ไม่ว่าจะเป็นห้องชุดหรือการถือสิทธิ์การเป็นเจ้าของ "ผู้หญิงของผม" หรือ "ผู้ชายของฉัน" กฎหมายนี้กำหนดให้มีสิทธิ์เป็นเจ้าของร่วมกันในทรัพย์ส่วนกลาง และก็กำหนดความรับผิดชอบมาพร้อมกัน

"มาตรา 18 เจ้าของร่วมก็ต้องร่วมกันออกค่าใช้จ่าย ที่เกิดจากการบริการส่วนรวม และที่เกิดจากเครื่องมือเครื่องใช้ที่มีไว้เพื่อประโยชน์ร่วมกันตามส่วนของการใช้ประโยชน์ที่มีต่อห้องชุด ทั้งนี้ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับข้างต้น เจ้าของร่วมก็ต้องร่วมกันออกค่าภาษีอากร และค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการดูแลและดำเนินการที่เกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนกลางตามอัตราส่วนที่เจ้าของร่วมแต่ละคนได้มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ส่วนกลางตามมาตรา14"

อันดับที่ 3
        การบริหารและจัดการ ในทางปฏิบัตินั้นย่อมไม่ได้เรื่อง ถ้าให้ผู้ซื้อห้องชุดต้องมาบริหารจัดการในเรื่องต่างๆ ตามมาตรา 18 เอง ดังนั้นจึงต้องให้นิติบุคคลมาจัดการในเรื่องต่างๆนั้น และต้องให้อำนาจตามที่ควรจะเป็น อาทิ

"มาตรา 33 นิติบุคคลอาคารชุดที่ได้มีการจดทะเบียนตามมาตรา 31 ให้มีฐานะสิทธิเป็นนิติบุคคล นิติบุคคลอาคารชุดจะมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดการ และดูแลรักษาทรัพย์สินส่วนกลาง และให้มีอำนาจกระทำสิ่งใด ๆ เพื่อเป็นประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว ทั้งนี้แล้วตามมติของเจ้าของร่วมภายใต้การบังคับแห่งพระราชบัญญัตินี้"

อันดับที่ 4
        อำนาจและบทบาทหน้าที่ของผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุด นิติบุคคลอาคารชุดจะต้องมีคนบริหารจัดการ เรียกว่า "ผู้จัดการ" ผู้จัดการคนนี้มีอำนาจมากทีเดียวล่ะ

"มาตรา 35 ให้นิติบุคคลอาคารชุด มีผู้จัดการคนหนึ่ง ซึ่งจะเป็นบุคคลธรรมดา เจ้าของอาคารหรือนิติบุคคลก็ได้ ในกรณีที่นิติบุคคลเป็นผู้จัดการ ให้นิติบุคคลนั้นแต่งตั้งบุคคลธรรมดาคนหนึ่งเป็นผู้ดำเนินการ แทนนิติบุคคลในฐานะผู้จัดการ"

มาตรา 36 ผู้จัดการมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

(1) ปฏิบัติการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในมาตรา 33 หรือ มติของที่ประชุมเจ้าของร่วม หรือคณะกรรมการนั้นตามมาตรา 37 ทั้งนี้ โดยไม่ขัดต่อข้อบังคับ
(2) ในกรณีจำเป็นและเร่งด่วน ให้ผู้จัดการที่มีอำนาจ โดยความริเริ่มของตนเองจัดการในกิจการ เพื่อความปลอดภัยของตัวอาคาร ดังเช่นวิญญูชนจะพึงรักษาและจัดการทรัพย์สินของตนเอง
(3) เป็นผู้แทนของนิติบุคคลอาคารชุด
(4) หน้าที่อื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ผู้จัดการต้องปฏิบัติกิจการในหน้าที่ด้วยตนเอง เว้นแต่กิจการ ซึ่งตามข้อบังคับหรือมติของที่ประชุมเจ้าของร่วมตามมาตรา 48 (3) กำหนดให้มอบหมายให้ผู้อื่นทำ แทนได้

อันดับที่ 5
        ระเบียบพื้นฐานที่คนคอนโด ต้องทำตาม รักจะอยู่อาคารชุดก็ต้องเคารพระเบียบกฎเกณฑ์ของอาคารชุด ซึ่งมีผลบังคับใช้ทางกฎหมาย ตั้งแต่ระบุไว้ใน พ.ร.บ. อาคารชุด หรืออยู่ในระเบียบนิติบุคคลอาคารชุด อาทิเช่น

"มาตรา 40 ให้เจ้าของร่วมชำระเงินให้แก่นิติบุคคลอาคารชุดเพื่อดำเนินกิจการของนิติบุคคลอาคารชุด ดังต่อไปนี้ (1) เงินค่าใช้จ่ายของนิติบุคคลอาคารชุดที่เจ้าของแต่ละห้องชุดจะต้องชำระล่วงหน้า (2) เงินทุนเมื่อเริ่มต้นกระทำกิจการอย่างใดอย่างหนึ่งตามข้อบังคับ หรือตามมติของที่ประชุมใหญ่ (3) เงินอื่นเพื่อปฏิบัติตามมติของที่ประชุมใหญ่ ภายใต้เงื่อนไขซึ่งที่ประชุมใหญ่กำหนด"

อันดับที่ 6
        อำนาจบังคับชำระหนี้ เพื่อป้องกันและแก้ไขการไม่ให้ความร่วมมือในการออกค่าใช้จ่ายเพื่อดูแลรักษาทรัพย์สินส่วนกลาง กฎหมายอาคารชุดได้ให้อำนาจนิติบุคคลอาคารชุดไว้แล้ว และอย่าลืมว่า ผู้จัดการฯ มักจะเป็นผู้ใช้อำนาจนั้น

"มาตรา 41 เพื่อประโยชน์ในการบังคับชำระหนี้อันเกิดจากค่าใช้จ่ายตามมาตรา 18 ให้นิติบุคคลอาคาร ชุดมีบุริมสิทธิ ดังนี้
(1) บุริมสิทธิเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายตามมาตรา 18 วรรคหนึ่ง ให้ถือว่าเป็นบุริมสิทธิในลำดับเดียวกับ บุริมสิทธิตามมาตรา 259 (1) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และมีอยู่เหนือสังหาริมทรัพย์ที่เจ้าของห้องชุดนั้นนำมาไว้ในห้องชุดของตน
(2) บุริมสิทธิเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายตามมาตรา 18 วรรคสอง ให้ถือว่าเป็นบุริมสิทธิในลำดับเดียวกับ บุริมสิทธิตามมาตรา 273 (1) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และมีอยู่เหนือทรัพย์ส่วนบุคคล ของแต่ละเจ้าของห้องชุด บุริมสิทธิตาม (2) ถ้าผู้จัดการได้ส่งรายการหนี้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วให้ถือว่าอยู่ในลำดับก่อน จำนอง"

ขยายความให้ชัดเจนก็คือนิติบุคคลอาคารชุดมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินต่าง ๆ ในห้องชุดเหนือกว่าเจ้าของห้องชุดแต่ละห้องด้วยซ้ำ และเหนือกว่าเจ้าหนี้ทุกราย  อำนาจเช่นนี้แหละ ที่เอื้อให้นิติบุคคลอาคารชุดในทางปฏิบัติก็คือ ผู้จัดการอาคารชุดสามารถ "บังคับ" เจ้าของอาคารชุด ให้รับผิดชอบภาระหน้าที่ของตนเองได้ ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงินค่าบำรุงส่วนกลาง การจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ค่าโทรศัพท์และอื่น ๆ ทั้งนี้โดยมีคณะกรรมการควบคุมการจัดการนิติบุคคลอาคารชุดดูแล โดยมีการประชุมใหญ่ หรือประชุมเจ้าของร่วมทั้งหมดหนุนหลังในขั้นสุดท้าย และเมื่อพิจารณาลักษณะการประชุมใหญ่แล้ว ก็สามารถสนับสนุนการ "บังคับ" ต่าง ๆ ได้

อันดับที่ 7
        คนอยู่คอนโดใจต้องโตกว่าตึก ว่าไปแล้วปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมสูงระฟ้า และการแก้ไขปัญหาไม่ใช่อยู่ที่นิติบุคคลอาคารชุด และผู้จัดการอาคารชุดมีอำนาจตามกฎหมายหรือไม่ แต่อยู่ที่มีศักยภาพทำให้อำนาจนั้นมีผลบังคับหรือไม่ หรือว่าไปแล้วปัญหาอยู่ที่ ผู้คนที่อาศัยในอาคารชุดใหญ่โตโอฬาริกนั้น มีวุฒิภาวะมากพอหรือโตพอแล้วหรือยัง ความผาสุขของชุมชนระฟ้าจะสมบูรณ์สวยงาม หรือขาดวิ่นเว้าแหว่งก็ขึ้นอยู่กับคนในคอนโด เองว่าจะทำตาม "บัญญัติ 7 ประการ" นี้หรือไม่ ทั้งนี้มี ใจที่โตพอ รับผิดชอบและเสียสละพอเป็นแกนกลาง

ติดตามข่าวสารของคอนโด โครงการคอนโดใหม่ได้ที่  http://home.sanook.com/6559/
ขอบคุณข้อมูลดีที่เอามาแชร์ จาก : cmc.co.th
ที่มา : propertytothai

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เคล็ดลับแนะนำก่อนซื้อบ้าน - คอนโดหลังแรก

 ข้อแนะนำ ก่อนซื้อบ้าน คอนโดหลังแรก

              ข้อมูลบางส่วนของไมเคิล ไอเซนเบิร์ก ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินส่วนบุคคล จากเว็บไซต์ฟิเดลิตี้ กองทุนใหญ่อันดับหนึ่งของสหรัฐ ในหัวเรื่อง "เคล็ดลับแนะนำผู้บริโภคซื้อบ้านหลังแรก" เพื่อช่วยให้คนไทยที่อยากซื้ออสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโดมิเนียมหลังแรกเพื่อไว้เป็นของตัวเอง โดยฉบับนี้ไอเซนเบิร์กนั้น ยังมีคำแนะนำอีกส่วนหนึ่งที่เหลือ มาฝากให้กับคนไทยทั้งในและต่างประเทศได้นำข้อมูลของเขา ไว้ไปประยุกต์ใช้ได้ เพื่อตั้งข้อสังเกตให้คำนึงฉุกคิด และผู้ที่เริ่มต้นจากพื้นฐานไม่มีความแน่ใจเลย หรือไม่รู้อะไรเลย และต้องใคร่ครวญสังเกตให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจซื้อบ้าน

1. "ต้องมีเงินออมเผื่อฉุกเฉิน" เป็นอีกไอเดียหนึ่งที่เตือนใจก่อนให้ความเห็นในแง่บวกของไอเซนเบิร์กที่ว่า หากคุณมีเงินสดอยู่ในมือเพียงพอแล้ว ที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตนาน 3-6 เดือน นั่นหมายถึงการที่ได้ก้าวเข้าใปใกล้สถานะเตรียมตัวเป็นเจ้าของบ้านหรือคอนโดได้แล้ว แต่ไอเซนเบิร์ก ก็ขอให้ผู้บริโภคคนไทย นึกถึงเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่ดี ที่จะทำให้รายได้ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องนั้น เกิดสะดุดติดขัด เช่น กรณีเจ็บป่วยรุนแรง การปลดพนักงาน หรือแม้แต่หายนะภัย ซึ่งเป็นเหตุไม่คาดฝัน ทำให้คุณไม่สามารถทำงานและหารายได้ตามปกติ คุณต้องแน่ใจก่อนว่านะว่ายังมีเงินรองรัง ช่วยให้การชำระหนี้เพื่อที่อยู่อาศัยไม่สะดุด และสามารถผ่านพ้นช่วงเวลายากลำบากไปได้

2. "สามารถควบคุมหนี้ไม่ให้บานปลายได้" บรรดาสถาบันการเงินต่างๆ ที่เป็นเจ้าหนี้ปล่อยกู้ทุกวันนี้ เครือข่ายมีระบบที่สร้างความมั่นใจได้ว่า ลูกหนี้หรือผู้ซื้อบ้านต้องการเงินกู้ มีเงินเพียงพอแต่ละเดือนเพื่อชำระหนี้ ดังนั้น ก่อนที่บรรดาธนาคารหรือสถาบันการเงินแหล่งอื่นเป็นเจ้าหนี้อนุมัติสินเชื่อให้ ลูกหนี้ ต้องพิจารณาสัดส่วนหนี้ต่อรายได้ของผู้กู้เสียก่อน แต่โดยทั่วไปแล้ว ไอเซนเบิร์กต้องการให้ลูกหนี้นั้น ประเมินตัวเองเสียก่อน เพื่อให้แน่ใจได้ว่าค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนเฉพาะบ้านหรือคอนโด ซึ่งรวมถึงเงินโอน ดอกเบี้ยกับภาษีอีกทั้งเงินประกันภัย หากรวมแล้วต้องไม่มากเกินกว่า 33% ของรายได้รวมในแต่ละเดือน ขณะที่ภาระหนี้ที่ต้องผ่อนในแต่ละเดือน ซึ่งหนี้เหล่านี้รวมถึงหนี้ที่ต้องผ่อนบ้าน หนี้บัตรเครดิต หนี้เพื่อการศึกษา และหนี้ต้องผ่อนชำระค่ารถยนต์ ต้องต่ำกว่า 38% ของค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ดังนั้นเป็นไอเดียที่ดีกว่า หากผู้คิดจะซื้อบ้าน ซึ่งเดิมมีหนี้ก้อนใหญ่จะพยายามลดมูลหนี้ให้น้อยลง ก่อนตัดสินใจขอสินเชื่อเพื่ออสังหาริมทรัพย์ และต้องมั่นใจก่อนว่าตัวเองมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะขอเงินกู้ได้มากตามความ จำเป็น

3. "แน่ใจได้หรือยังประวัติเครดิตขอสินเชื่อไม่มีปัญหา" ในต่างประเทศ ณ ตอนนี้ ผู้ขอกู้ซื้อที่อยู่อาศัย ไม่จำเป็นจะต้องมีประวัติการขอสินเชื่อที่ดี 100% เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับอนุมัติเงินกู้ซื้อบ้าน แต่แค่มีประวัติการเงินพอใช้หรือผ่านได้ก็สามารถช่วยให้ผู้ขอกู้ ได้ดอกเบี้ยที่ต้องผ่อนค่าชำระลดลง และจำนวนเงินที่ต้องผ่อนในแต่ละเดือน ผ่อนได้น้อยลงด้วย ในประเทศสหรัฐ คนไทยที่พักอยู่ ก็ได้รับการช่วยเหลือจากทางภาครัฐ ให้ตรวจสอบประวัติทางการเงินของตัวเองได้ทุกปีจากเว็บไซต์ annualcreditreport.com โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิน โดยข้อมูลที่เข้าไปตรวจสอบเป็นข้อมูลที่ได้จากเครดิตบูโรสำคัญ 3 แห่ง ดังนั้น ผู้บริโภคที่อยากจะขอกู้เงินซื้อที่อยู่อาศัยนั้น ก็สามารถเข้าไปดูข้อมูลซึ่งบรรดาสถาบันทางการเงิน ก็ใช้เป็นข้อมูลในการตรวจสอบเช่นกัน ก่อนที่จะตัดสินใจให้เงินกู้ คำแนะนำในข้อนี้จะช่วยให้ผู้ขอกู้ เพิ่มความระมัดระวังในการขอสินเชื่อของตัวเอง ซึ่งอาจมีผลต่อให้ การตัดสินใจของผู้ให้กู้ได้

4. "ซื้อที่อยู่อาศัยควรถือครองสิทธิไว้ให้นานที่สุด" ข้อนี้เป็นการเตือนใจให้ผู้คิดที่จะซื้อบ้านหรือคอนโดว่า พร้อมหรือทำใจยังว่าการมีบ้านหรือคอนโดเป็นของตัวเอง ควรจะอยู่ให้นานอย่างน้อย 3-5 ปีได้หรือไม่ และต้องคำนึงถึงระยะเวลาด้วยว่า จะทำที่พักอาศัยให้เรียบร้อยลงตัว ก่อนที่คิดจะทำธุรกรรมขายต่อได้หรือไม่ เพราะถ้าขายก่อนเวลาอันสมควร ผู้ซื้ออาจจะขาดทุนจากธุรกรรมได้ ในต่างประเทศอย่างประเทศสหรัฐอเมริกา หากผู้ซื้อคิดหาทำกำไรกลับคืนจากการซื้อที่อยู่อาศัย เจ้าของบ้านนั้นจะต้องจ่ายภาษีจากกำไรที่ขายได้ แต่หากพักอาศัยอยู่ในบ้านไม่ถึง 2 ปี ระยะเวลาในการพักอาศัยจึงสำคัญมาก และถ้าคิดว่าตัวเองไม่สามารถพักอาศัยได้นาน ผู้ซื้ออาจจะคิดอีกทางหนึ่งคือซื้อเพื่อธุรกิจให้เช่าจะดีกว่า

5. "ฉลาดเตรียมตัวที่จะเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์" ไอเซนเบิร์กได้พูดเตือนว่า แม้คุณนั้นสามารถซื้อหรือเป็นเจ้าของที่พักอาศัยได้ แต่อย่าตัดสินใจง่ายๆ เพียงเพราะมีแค่ศักยภาพการเงินที่จะซื้อ แต่ขอให้แน่ใจก่อนว่าพร้อมที่จะใช้ชีวิต และสามารถดูแลรักษาบำรุงสถานที่อยู่อาศัยได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ในเมื่อการเป็นเจ้าของที่พักอาศัย หากเกิดชำรุดเสียหาย ผู้ซื้อหรือเจ้าของต้องเป็นคนจัดการ และต้องจ่ายเงินให้ช่างซ่อมแซมแทน นอกจากนี้เจ้าของหรือผู้ซื้อ ยังต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายการดูแลบ้านเป็นประจำอีกด้วย ซึ่งรวมถึงงานบำรุงรักษาบ้านหลังเล็กๆ ของคุณ ในกรณีที่คุณซื้อที่พักอาศัยในต่างประเทศ ขอให้นึกถึงอนาคตหลังการซื้อว่า มีเวลากับพลังและความมุ่งมั่นที่จะดูแลอสังหาริมทรัพย์ของตัวเองอย่างจริงจังหรือไม่

6. "ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม" คือคำแนะนำสุดท้ายที่ไอเซนเบิร์กอยากให้คนไทยในสหรัฐ เข้าไปตรวจสอบหาข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย จากเว็บไซต์  360financialliteracy.org ของ American Institute of Certified Public Accountants' หรือ เอไอซีพีเอ โดยคุณสามารถเข้าไปในเว็บไซต์ข้างต้น เพื่อดูประเด็นและหัวข้อเกี่ยวกับการเงินส่วนบุคคลของคุณ เพื่อหาข้อมูลหรือทางเลือก ที่จะช่วยจัดการบริหารทางการเงินของตัวเองได้ สำหรับเวบไซต์ของเอไอซีพีเอนั้นรวบรวมบทความ วิธีการคำน  วณ และเครื่องมืออื่นๆ ที่ช่วยให้คนไทยในสหรัฐและในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก รอบคอบและระวังทุกๆ ด้าน ก่อนตัดสินใจควักเงินซื้อที่อยู่อาศัยหลังแรกในชีวิตของตัวเอง


ขอบคุณ : cmc.co.th
บทความจาก : thaihomemasterm
โดย ดร.ศุภวิศวร์ ปัญญาสกุลวงศ์ และ คุณกฤษณ์ แย้มสระโส

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ข้อมูลการกู้ซื้อบ้าน / คอนโดของธนาคาร

วงเงินกู้ของธนาคารนั้นที่แต่ละคนจะได้รับขึ้นอยู่กับปัจจัย อะไรบ้าง


คนที่ทำธุรกิจส่วนใหญ่ มักจะคุ้นเคยกับคำว่า วงเงินกู้ (Loan) เป็นอย่างดี ซึ่งการที่จะกู้เงินจากธนาคารได้นั้นกิจการจะต้องมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน อีกทั้งต้องระบุว่า วงเงินที่ต้องการใช้ ระยะเวลาจ่ายชำระคืน และที่สำคัญคือต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันวงเงินกู้ให้กับธนาคาร เช่น ที่ดิน อาคาร เครื่องจักร เป็นต้น ข้อมูลวงเงินกู้ของธนาคาร วงเงินนั้นที่แต่ละคนจะได้รับจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยสามารถแบ่งออกได้ดังนี้

1. อัตราเงินเดือนและภาระหนี้สิน ค่าโดยประมาณจะได้ 50 เท่าของเงินเดือน เช่น ถ้าเงินเดือน 20,000 และไม่มีภาระหนี้สินใดๆ วงเงินกู้ที่ได้่จะประมาณ 1,000,000 (20,000 x 50 เท่า) แต่ถ้าคุณมีผ่อนอะไรอยู่ก็จะหักจากเงินเดือนก่อนแล้วค่อยคูณด้วย 50

บางคนที่มีเงินโอทีหรือเงินรายได้พิเศษนอกเหนือไปจากเงินเดือนประจำ บางธนาคารก็ไม่เอามาคิด บางธนาคารก็เอามาคิดแค่ 50% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกฎและนโยบายของแต่ละธนาคาร ซึ่งคนกู้จะต้องเช็คกับทางธนาคารอีกที

จำนวนวงเงินกู้ อาจได้มากหรือน้อยกว่า 50 เท่า ขึ้นอยู่กับเครดิตของผู้กู้ ความมั่นคงของภาระหน้าที่การงาน และประวัติการชำระหนี้อื่นๆ ก่อนหน้านี้ ส่วนผู้กู้ที่ทำงานบริษัทที่มีสวัสดิการกู้ซื้อบ้านกับทางธนาคาร ธนาคารมักปล่อยกู้ง่ายและให้จำนวนวงเงินมากกว่าปกติ

2. ราคาประเมินบ้านหรือคอนโดมิเนียมของทางธนาคาร ราคาประเมินที่กล่าวถึง ทางธนาคารจะส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจบ้านที่เราจะซื้อและประเมินราคา พวกบ้านหรือคอนโดใหม่ บางธนาคารให้กู้เต็มราคาประเมิน ส่วนพวกประกาศขายบ้าน / คอนโดมือสอง บางธนาคารก็ให้กู้เต็ม แต่ส่วนมากมักให้แค่ 80% ของราคาประเมินธนาคาร อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละธนาคารที่มีอยู่ ทั้งนี้ถ้าได้ราคาประเมินบ้านสูงกว่าฐานของเงินเดือนตามข้อที่ 1 คุณก็กู้ได้สูงสุดตามข้อ 1 และถ้าราคาประเมินบ้านต่ำกว่าวงเงินตามฐานเงินเดือนในข้อที่ 1 คุณก็กู้ได้สูงสุดตามราคาประเมินบ้าน

3. อายุของผู้กู้ ธนาคารส่วนมากให้ผู้กู้สามารถชำระหนี้ได้จนถึงอายุ 60 บางธนาคารอาจถึง 65 ดังนั้นถ้าคุณอายุเยอะ จำนวนปีในการชำระหนี้จะน้อย ซึ่งก็หมายความว่าค่าผ่อนชำระหนี้ในแต่ละเดือนนั้นจะสูง เช่น อายุ 55 ขอกู้เงิน 3,000,000 ซึ่งคุณจะสามารถผ่อนได้แค่ห้าปี ดังนั้นจำนวนเงินผ่อนแต่ละเดือนจะสูงมาก ซึ่งโดยทั่วไปแล้วธนาคารจะให้ผ่อนได้ไม่เกินประมาณ 40% ของเงินเดือน ถ้าหากเกิน ธนาคารก็จะลดวงเงินกู้คุณลง

ผู้กู้สามารถกู้เพิ่มเป็นค่าตกแต่งได้อีกประมาณ 10% ของวงเงินกู้บ้านที่ทางธนาคารอนุมัติให้ เช่นถ้าแบงค์อนุมัติวงเงินกู้ซื้อบ้านให้คุณที่หนึ่งล้านบาท คุณสามารถกู้เพื่อตกแต่งเพิ่มได้อีกจำนวนหนึ่งแสนบาท แต่อัตราดอกเบี้ยสำหรับเงินกู้ตกแต่งจะสูงกว่าเงินกู้ซื้อบ้าน

ข้อกำหนดดังกล่าวนั้นไม่ได้ตายตัว ธนาคารแต่ละแห่งก็จะมีข้อพิจารณาที่แตกต่างกัน ที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงแนวทางคร่าวๆ ทั้งนี้ผู้กู้ควรติดต่อถามเจ้าหน้าที่สินเชื่อของแต่ละธนาคารจะดีที่สุด หรือโทรไปตามที่ Call Center ที่มีบริการในแต่ละธนาคารก่อนก็ได้ ทางเจ้าหน้าที่สามารถให้ข้อมูลคร่าวๆ ได้เช่นกันค่ะ

คำแนะนำ:

1. คนที่อยากมีบ้านหรือคอนโด แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ขอให้เริ่มจากการประเมินวงเงินกู้ของตนเองก่อนว่าธนาคารจะปล่อยกู้ให้คุณได้เท่าไหร่ คุณสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่สินเชื่อแต่ละธนาคาร (แนะนำให้ติดต่อกับธนาคารที่่คุณมีบัญชีเงินเดือนหรือธนาคารที่บริษัทคุณมีสวัสดิการก่อน เพราะธนาคารพวกนี้จะสามารถเช็คข้อมูลของคุณได้ง่ายจากบัญชีของคุณ และความเป็นไปได้ในการได้รับอนุมัติก็จะมีมากกว่าธนาคารที่คุณไม่เคยเป็นลูกค้ามาก่อนเลย) เราสามารถเช็คหลายๆธนาคารได้พร้อมกัน เป็นแค่ขั้นตอนของ การขอข้อมูลจากธนาคาร ไม่ได้ทำเรื่องกู้

2. หลังจากทราบวงเงินที่คุณสามารถกู้ได้ ก็ค่อยไปมองหาดูบ้านหรือคอนโดที่อยู่ในงบของคุณ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปดูบ้านหรือคอนโโที่มันแพงๆ แล้วมารู้ที่หลังว่าคุณกู้ไม่ผ่านเพราะบ้านแพงไป

3. อย่าซื้อบ้านหรือคอนโดเกินกำลังและฐานะของตนเองมากเกินไป เพราะถ้าคุณกู้สูงๆ แล้วค่าผ่อนต่อเดือนมันก็จะเยอะมาก อย่าลืมนึกถึงค่าตกแต่งที่จะตามมาอีกมากมาย รวมถึงเผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉินที่เราต้องใช้เงิน เช่น เจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันที่ต้องการใช้เงิน ถ้าอยากผ่อนแบบไม่หนักมาก ควรผ่อนแค่ประมาณ 30% ของเงินเดือน

4. ให้เลือกระยะปีในการผ่อนให้นานที่สุด ถ้าสามารถเลือกแบบ 30 ปี ก็เลือกแบบ 30 ปีไปก่อน เวลามีเงินคุณก็ค่อยเอาไปโปะเรื่อยๆ เพราะการเลือกระยะเวลาผ่อนที่นาน จะทำให้ค่าผ่อนที่ต้องจ่ายต่อเดือนไม่มาก เช่นถ้าคุณกู้ 1,000,000 บาท เลือกผ่อน 30 ปี คุณต้องจ่ายต่อเดือนประมาณ 6,000 บาท แต่ถ้าคุณเลือกผ่อนที่ 10 ปี คุณต้องจ่ายต่อเดือนประมาณ 11,000 บาท คุณเลือกแบบ 30 ปี แล้วค่อยๆ เอาเงินไปโปะเรื่อยๆ ให้หมดภายในสิบปี ดอกเบี้ยที่เสีย ก็ไม่ต่างกันมากค่ะ อันนี้จะช่วยคุณได้ในกรณีฉุกเฉินที่คุณต้องใช้เงิน และทำให้คุณนั้น ไม่เครีดมากในการจัดการค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน


ค่าธรรมเนียมการโอน:

1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ( หัก ณ ที่จ่าย ) = ตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร
2. ค่าธรรมเนียมการทำนิติกรรม ( ค่าโอน ) = 2 % จากราคาประเมินของกรมหรือราคาขาย แล้วแต่อย่างใดสูงกว่า
3. ค่าจดจำนอง ( กรณีจำนองกับสถาบันการเงิน ) = 1% ของมูลค่าที่จำนอง (จำนวนที่กู้ทั้งหมด)
4. ค่าอากรแสตมป์ (ชำระอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง อากรแสตมป์ หรือธุรกิจเฉพาะ) = 0.50% ตามราคาซื้อขายแต่ ไม่ต่ำกว่าราคาประเมินของกรม
5. ภาษีธุรกิจเฉพาะ ( ไม่ต้องชำระหากถือครองเกิน 5 ปี หรือมีชื่อในทะเบียนบ้านเกินหนึ่งปี) = 3.3% ของราคาซื้อขายที่ไม่ต่ำกว่าราคาประเมินของกรม
ค่าธรรมเนียมการโอนอาจออกคนละครึ่งระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งออกทั้งหมด อันนี้ขึ้นอยู่กับการตกลงกันแต่แรก ดังนั้นควรตกลงเรื่องค่าธรรมเนียมการโอนต่างๆ ก่อนทำสัญญาจะซื้อจะขาย เพราะอาจมีการโต้เถึยงเกิดขึ้นได้ในวันโอน ทางที่ดีควรรวมรายละเอียดค่าธรรมเนียมการโอนไว้ในสัญญาจะซื้อจะขายด้วยเพื่อป้องกันการโต้เถียงกันภายหลังโ

ข้อมูลจาก  (cordia.bloggang)

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

10ข้อ เคล็ดลับแต่งห้องนอนเล็กๆอย่างไรให้สวยเลิศ

10 เทคนิคเคล็ดลับ แต่งห้องนอนเล็กๆของคุณให้สวยเลิศ

ไม่ว่าห้องนอนจะอยู่ในคอนโด หรือที่บ้าน แต่หลายแห่งมักจะแบ่งห้องหรือซอยห้องออกมาเล็กจนน่าอึดอัดและหงุดหงิด พอครั้นจะขยายต่อเติมออก ก็ไม่มีงบพอหรือไม่มีพื้นที่เหลือเพียงพอที่จะขยายได้อีก แล้ววันนี้เรามาใช้เทคนิคการตกแต่งให้เป็นประโยชน์กันนะคะ กับเทคนิคที่จะช่วยให้คุณนั้น ตกแต่งห้องนอนขนาดเล็กของคุณให้ดูใหญ่ขึ้น น่านอนมากขึ้น

1. หากคุณไม่ชอบห้องสีขาวหรืออาจจะเพิ่งได้ห้องคอนโดใหม่มา แต่ไม่รู้จะใช้สีไหนดี ลองนำไอเทมสีเด่นเตะตามาตกแต่งห้องนอนดู อย่างห้องนี้ที่ใช้หมอน และผ้าคลุมเตียงที่เป็นสีส้มแดงเตะตา เข้ากับฉากจีนทำจากไม้และเพ้นท์สีทองจาง ๆ ทำให้ห้องดูเด่นขึ้นได้ อีกทั้งเก้าอี้ไม้สานโปร่งก็ช่วยให้ห้องดูปลอดโปร่งไปด้วยเช่นกัน

2. เปิดทางให้แสงผ่านเข้ามาภายในห้องบ้าง ช่วยให้ห้องสว่างมากขึ้น แต่เพิ่มความเป็นส่วนตัวจะติดตั้งมู่ลี่แบบม้วน หรือแบบแขวนที่ทำจากผ้าลูกไม้หรือผ้าทอมือก็ไม่เลวเหมือนกัน 
3. ขยายพื้นที่หัวเตียงให้กลายเป็นชั้นวางของเสียเลย สำหรับคนที่มีข้าวของเครื่องใช้หรือหนังสือมาก ๆ แนะนำว่าควรเป็นชั้นบิ๊วอินที่สูงจากพื้นถึงเพดาน จะช่วยให้ห้องดูโอ่โถงมากขึ้น สามารถติดตั้งไฟอ่านหนังสือได้ และทำอะไรได้สารพัดเลยเชียวแหล่ะ

 4. อย่ากลัวการใช้หน้าต่าง หน้าต่างจะเป็นตัวช่วยนำแสงสว่าง และความปลอดโปร่งเข้ามาในห้อง แนะนำว่าควรผลักเตียงให้ชิดหน้าต่างไปเลย จะเพิ่มพื้นที่ห้องให้มากขึ้นได้ และเพื่อความเป็นส่วนตัวในเวลากลางคืน คุณสามารถเลือกติดตั้งมู่ลี่ไว้บนหน้าต่างได้ด้วยเช่นกัน
5. ทริกแบบคลาสสิกสุด ๆ ก็คือใช้กระจกช่วยนั่นเอง ทำให้ห้องดูกว้างขึ้นได้อีกมาก แถมสมัยนี้ยังมีกระจกหลายเฉดสีให้คุณเลือกตามสไตล์ของห้องได้ด้วยนะคะ

 6. หากพื้นที่ค่อนข้างจำกัด ลองเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์สั่งผลิตดู อย่างห้องนี้ที่มีพื้นที่อยู่ใต้หลังคา เพดานจึงลาดเอียงอย่างที่เห็น หากใช้เตียงธรรมดาคงจะไม่ได้แน่ จึงได้จ้างช่างมาออกแบบให้พอดีกับพื้นที่ แถมยังเป็นเตียงคู่เสียด้วย อีกทริกก็คือการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีความโปร่งใส ทำให้ไม่เกะกะสายตา หรือทำให้รก อย่างเก้าอี้อะคริลิกในห้องนี้เป็นต้นค่ะ
   
7. หากห้องนอนของคุณแคบลึก เหมือนห้องนอนห้องนี้ ลองตกแต่งผนังด้านในที่ลึกที่สุด ให้สวยโดดเด่นที่สุด ด้านเดียวไปเลย จะดึงสายตาดึงความสนใจไปที่ผนังห้องได้ อย่างห้องนี้เลือกใช้วอลล์เปอร์สีฟ้าอ่อนพิมพ์ลายสีบรอนซ์ทองดูหรูหรา อีกทั้งผ้าคลุมเตียงยังมีความแวววาว จึงเข้ากันได้ดีด้วย

8. ลองทำให้ Headboard ของคุณกลายเป็นพื้นที่สำหรับทำงานเสียเลย นี่เป็นตู้ที่มีสองด้าน ด้านที่หันเข้าหาเตียงจะเป็นชั้นหนังสือ เว้นที่ด้านซ้ายไว้เล็กน้อยสำหรับวางโคมไฟ ที่ให้แสงสว่างถึงโต๊ะทำงานอีกฝั่งได้ด้วย เหมาะสำหรับห้องนอนหน้าแคบลึกอีกเช่นกัน
9. แต่งผนังด้วยลวดลายและสีสันที่โดดเด่นดึงดูดสายตาไปเลย ก็สวยไปอีกแบบ อย่างห้องนี้ที่เลือกวอลล์เปเปอร์มากรุผนังลาดเอียงซึ่งเป็นห้องใต้หลังคา ให้มีลวดลายกราฟฟิก รับรองว่าถูกใจเด็กวัยรุ่นที่บ้านของคุณแน่ ๆ


10. สีขาวยังไงก็ไม่พลาดแน่.. แม้จะดูน่าเบื่อ แต่อันที่จริงแล้วขึ้นอยู่กับการตกแต่งมากกว่า ลองแต่งแบบห้องนี้ก็ได้ค่ะ คุมโทนสีขาว เทา แนวธรรมชาติเข้าไว้ ตกแต่งแต่น้อยสไตล์มินิมัลลิสต์ แค่นี้คุณก็ได้ห้องนอนที่ทั้งอบอุ่น สว่าง และเท่เกินใครแล้วค่ะ

ขอขอบคุณภาพจาก : st.houzz.com
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : homenayoo.com

วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ค่าส่วนกลางคอนโด เก็บน้อยหรือว่ามาก ขึ้นอยู่กับอะไร

ค่าส่วนกลาง คอนโด เก็บน้อยเกินไปก็ไม่ดี มากเกินไปก็ไม่ไหว

“ค่าส่วนกลาง” เป็นค่าใช้จ่ายที่สำคัญมากของผู้ที่ซื้อคอนโดมิเนียม หรือเจ้าของห้องชุดที่ต้องช่วยกันจ่ายส่วนนี้ ถ้าสังเกตจะเห็นได้ว่าตอนแรกที่เราซื้อโครงการคอนโดใหม่มา ทางโครงการก็จะบอก หรือมีเอกสารการขายกำหนดอัตราค่าส่วนกลางไว้แล้ว ว่าจะเก็บตารางเมตรละเท่าไหร่อะไรอย่างไรมั้ง ซึ่งอัตราจัดเก็บส่วนนี้ สามารถเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขได้ แต่ต้องเป็นอยู่ในมติของที่ประชุมใหญ่

ค่าส่วนกลางของคอนโด นั้น เมื่อเทียบราคากับบ้านจัดสรรแล้ว จะแพงกว่าอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากโครงการคอนโดฯ จะมีสิ่งที่อำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ใช้ร่วมกันมากกว่า หรือมีเหตุที่ให้ต้องใช้จ่ายมากกว่า เช่น ค่าจ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย, ค่าจ้างพนักงานเก็บขยะ, ค่าจ้างแม่บ้าน, ค่าไฟฟ้าในบริเวณที่เป็นพื้นที่ของส่วนกลาง อย่างลิฟต์, บันได, ค่าไฟที่อยู่นอกห้องชุด (ค่าไฟ, แอร์และโทรทัศน์บริเวณล็อบบี้) , ค่าเครื่องมืออุปกรณ์ทำความสะอาด อื่นๆ

โดยปกติในวันโอนกรรมสิทธิ์ผู้ซื้อมักจะต้องชำระ “ค่าส่วนกลางล่วงหน้า” ซึ่งทั่วไปแล้วกำหนดเอาไว้ 1-2 ปี ส่วนอัตราเท่าไหร่นั้นก็แล้วแต่โครงการจะกำหนด นิติบุคคลอาคารชุดแต่ละแห่งจะมีมาตรการในการจัดเก็บค่าส่วนกลางไม่เหมือนกัน แล้วแต่ข้อบังคับของนิติบุคคลอาคารชุดนั้นๆ เงินจัดเก็บสำหรับค่าส่วนกลางนี่กฎหมายกำหนดให้สามารถนำไปเป็นค่าใช้จ่ายประเภท “บริการสาธารณะ” ได้ แต่ทั้งนี้ต้องเฉพาะในกรณีที่ผู้จัดสรรที่ดินได้เขียนรายละเอียดไว้ในแผนงานโครงการ และวิธีการจัดสรรว่าจะเรียกเก็บค่าบริการสาธารณะจากผู้ซื้อที่ดินจัดสรร ตามอัตราที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการจัดสรรที่ดินที่กำหนดไว้ในขั้นตอนการยื่นคำขอจัดสรรเท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการทำงาน หรือการดูแลบริหารการจัดการของทรัพย์สินส่วนกลางด้วย เช่นเงินเดือนของผู้จัดการฝ่ายนิติบุคคลอาคารชุด ค่าโทรศัพท์ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเครื่องใช้และอุปกรณ์ต่างๆ ในสำนักงานนิติบุคคลอาคารชุด รวมถึงค่าใช้จ่ายที่ไม่ประจำ เช่น ค่าซ่อมแซมระบบไฟฟ้า ประปา เป็นต้น

หน้าที่ของเจ้าของห้องชุดคอนโด ที่ต้องชำระค่าส่วนกลางทุกเดือนส่วนใหญ่รับรู้ กันทั่วไปแล้ว แต่ที่ยังมีคำถามอยู่บ้างคือข้อสงสัยที่ว่าทำไมค่าส่วนกลางถึงแพงจัง ?

อัตราค่าส่วนกลาง จะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยหลายสาเหตุ สิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการที่มากน้อยไม่เท่ากัน จึงทำให้ค่าส่วนกลางแต่ละโครงการไม่เท่ากัน ถ้ามีสิ่งอำนวยความสะดวกมากค่าส่วนกลางก็สูง เรียกว่าใช้มากก็ต้องจ่ายมากทำนองนั้น นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับระดับหรือประเภทคอนโดด้วย เช่น โครงการไฮเอนด์หรูๆ แน่นอนค่าส่วนกลางก็ต้องแพง เพราะมาตรฐานในการบริหารจัดการอาคารหรือพื้นที่ส่วนกลางต้องสูงไปตามระดับ จำนวนยูนิตในแต่ละโครงการก็มีผลเช่นกัน โครงการที่จำนวนยูนิตน้อยค่าส่วนกลางจะสูง เพราะตัวหารเฉลี่ยน้อยกว่า

เชื่อได้เลยว่า ถ้าเลือกได้ทุกคนก็คงเลือกคอนโดฯ ที่ค่าส่วนกลางถูกกว่าอย่างแน่นอน แต่ในความจริงนั้นคอนโดฯ ที่ค่าส่วนกลางต่ำๆ ก็ไม่ใช่คำตอบที่ถูกที่ควรที่สุดเสมอไป เพราะถ้าส่วนกลางมันต่ำเกินไป ก็อาจทำให้การบริหารจัดการ หรือการดูแลอาคาร และพื้นที่ส่วนกลางทำได้ไม่เต็มที่ หรือบริหารกันไปแบบตามมีตามเกิด เสมือนสายการบินโลว์คอส ที่จะทำอะไรก็ต้องประหยัดไว้ก่อน

แต่เหนือสิ่งอื่นใด ก็คือ แทบจะไม่มีคอนโด ไหนที่สามารถเก็บค่าส่วนกลางได้ 100% เต็มโดยไม่มีการค้างจ่าย ฉะนั้นแล้วค่าส่วนกลางที่จะกำหนดอัตราจัดเก็บไว้แล้ว เอาเข้าจริงก็ได้ไม่ครบหรือไม่พอก็มี แต่ถ้าสูงเกินไปก็ไม่ดีเพราะจะเป็นต้นทุนของเจ้าของห้องชุด ยิ่งหากเราซื้อเพื่อปล่อยเช่าแล้วค่าใช้จ่ายส่วนนี้มากเกินไปก็จะไปลิดรอนผล ตอบแทนให้ลดลงได้ แนวคิดที่ถูกต้องเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายส่วนกลางในกรณีที่เป็น

การซื้อคอนโดฯ เพื่อปล่อยเช่านั้น ก็คือจะจ่ายมากหรือจ่ายน้อยก็ขึ้นอยู่กับค่าเช่าที่เก็บได้เป็นหลัก ถ้าเก็บค่าเช่าได้น้อย ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ก็ต้องน้อยตามลงไปด้วย แต่ถ้าเก็บค่าเช่าได้มากถึงค่าส่วนกลาง  ค่าส่วนกลางจะสูงไปสักหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่ในกรณีที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง อันนี้น่าจะขึ้นอยู่กับความพึงพอใจและความสามารถในการจ่ายมากกว่า อยู่คอนโดแบบหรูก็ต้องยอมรับว่าต้องจ่ายแพงกว่า ถ้าไม่อยากจ่ายแพงก็คงต้องหาคอนโดฯ ถูกๆ ค่าส่วนกลางต่ำๆ อยู่กันไป

การไม่ชำระค่าส่วนกลางมีผลเสียมากมายต่อเจ้าของร่วมทุกคน ทางที่ดีควรชำระตามกำหนดไปเถอะครับ และร่วมกันบริหารจัดการหรือตรวจสอบบัญชีจะเป็นการดีกว่า การเก็บค่าส่วนกลางของนิติบุคคลเก็บไปก็เพื่อประโยชน์ในการดูแลใช้จ่าย ซ่อมแซมปรับปรุงทรัพย์ส่วนกลางให้สามารถใช้งานได้นานๆ และทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยในที่อยู่อาศัยของเราเอง
ขอขอบคุณ : cmc.co.th

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

สร้างสรรค์บรรยากาศสุดพิเศษเสมือนดินแดนในฝัน ด้วยเฉดสี

สร้างบรรยากาศสุดพิเศษแบบดินแดนในฝัน ด้วยเฉดสี

จะมีอะไรที่ทำให้คนเรานั้น มีความสุขมากไปกว่าการได้อยู่ใกล้ชิดกับคนที่คุณรัก ท่ามกลางสถานที่ที่อันแสนจะอบอุ่น และโรแมนติก ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโดของคุณ และถ้าหากสถานที่แห่งนั้นเป็นดินแดนภายในฝันที่คุณหลงรักและอยากใช้ชีวิตแบบนี้ในทุกๆวันด้วยแล้ว ก็คงจะเปี่ยมล้นไปด้วยความรู้สึกอันแสนพิเศษในทุกโมงยาม
ในขณะที่เรากำลังจินตนาการนึกถึงบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยโลกแห่งความโรแมนติก แต่ช่วงเวลาของการใช้ชีวิตมันกลับไม่เอื้ออำนวยให้เราสามารถเดินทางไปยังสถานที่แห่งต่างๆ ได้มากมายขนาดนั้น คงจะดีกว่า ถ้าหากเราสามารถเก็บเอาบรรยากาศที่แสนพิเศษเหล่านั้นมาแต่งแต้มให้ทุกๆ วันภายในบ้านให้กลายเป็นดินแดนในฝันเหนือจินตนาการ

เพราะบรรยากาศคือส่วนผสมหนึ่งของชีวิตที่สามารถช่วยเนรมิต ให้ทุกวันเปี่ยมไปด้วยความสุข ดั่งเช่นบรรยากาศแห่งความโรแมนติกในท่ามกลางทุ่งลาเวนเดอร์ ของเมืองชนบทของประเทศฝรั่งเศส ที่รุ่มรวยไปด้วยสีสันของธรรมชาติอันสวยงดงาม ท่ามกลางโทนสีม่วงแสนหวาน และกลิ่นหอมอันแสนเย้ายวนที่ถูกแต่งแต้มไว้อย่างละเมียดละไมในทุกอณู จึงพร้อมรังสรรค์ทุกคืนวันให้อบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุนทรีย์ที่เกินบรรยาย และคงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว หากสีสันแห่งธรรมชาติจากทุ่งลาเวนเดอร์อันแสนงดงามเหล่านั้น จะสามารถจะเนรมิตพื้นที่ภายในบ้านให้เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งห้วงความโรแมนติกในทุกช่วงเวลา โดยเฉพาะห้องนั่งเล่น ซึ่งนอกจากจะเป็นพื้นที่สำหรับไว้พักผ่อนหย่อนใจเอนกายแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งพื้นที่แห่งความอบอุ่นที่พร้อมให้สมาชิกทุกคนภายในบ้าน สามารถใช้เวลาเพื่อพบปะ สังสรรค์ และพูดคุยกันได้อย่างมีความสุขในทุกวัน

สำหรับคนรักบ้านที่ต้องการสร้างสรรค์บรรยากาศอันแสนโรแมนติก เสมือนยกทุ่งลาเวนเดอร์ของฝรั่งเศสมาไว้ภายในห้องนั่งเล่นของคุณก็สามารถทำได้ไม่ยาก เพียงเริ่มต้นด้วยการถ่ายทอดอารมณ์ของสีสันจากธรรมชาติด้วยโทนสีออกม่วงพาสเทลลงบนผนัง พร้อมเชื่อมความโรแมนติกให้มากยิ่งขึ้นด้วยการตกแต่งในสไตล์ฝรั่งเศสที่ให้บรรยากาศอบอุ่นคลาสสิก เน้นงานเฟอร์นิเจอร์ประเภท Soft Furnishing อย่างโซฟาที่เป็นผ้าบุที่อ่อนนุ่ม ผ้าม่านสีหวาน หรือหมอนอิงลายลูกไม้ เพียงเท่านี้ก็พร้อมแต่งเติมสีสันแห่งความความอ่อนหวาน ให้กับห้องนั่งเล่นราวกับนั่งผ่อนคลายนอนกลิ้งอยู่ท่ามกลางทุ่งลาเวนเดอร์อันงดงาม
หรือหากใครที่ชื่นชอบบรรยากาศแห่งชีวิตชีวา ก็สามารถดื่มด่ำไปด้วยความเร้าร้อนในจังหวะเพลงฟลามิงโก้ของประเทศสเปนได้ง่ายๆ ด้วยโทนเฉดสีแดงสดที่สื่อถึงสีสันแห่งชีวิตชีวา อาจไม่ต้องตกแต่งด้วยข้าวของที่มีเส้นสายหรือเป็นรูปทรงซับซ้อน เพียงแต่งเติมความสดใสด้วยแจกัน โคมไฟ หมอนอิง หรือทาสีผนังด้วยโทนสีแดงสดและโทนสีอ่อนที่ได้แรงบันดาลใจมาจากทรายเนื้อละเอียด ก็พร้อมรังสรรค์ให้บรรยากาศภายในห้องนั่งเล่นของคุณดูอบอุ่นและผ่อนคลาย เสมือนได้อยู่ท่ามกลางดินแดนแห่งเสียงเพลงฟลามิงโก้ในประเทสสเปนทุกๆ วัน

หากอยากสัมผัสถึงพลังแห่งความสดชื่นอันแสนรื่นรมย์ราวกับอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียวขจีที่ไกลสุดสายตาของประเทศนิวซีแลนด์ ก็สามารถเนรมิตห้องนั่งเล่นให้สดชื่นไปด้วยความเขียวชอุ่มได้ไม่ยาก เพียงตกแต่งภายในห้องนั่งเล่นของคุณด้วยการใช้ชุดพาเลทท์โทนสีเขียว ที่สะท้อนถึงความมีชีวิตชีวาลงบนผนังห้อง แล้วใช้อาร์มแชร์ผ้าบุสีเขียวจัดวางเป็นเฟอร์นิเจอร์หลัก และอาจเลือกเฟอร์นิเจอร์ประเภทงานไม้เข้ามาเพิ่มตกแต่งร่วมด้วย ก็ยิ่งช่วยเสริมให้บรรยากาศภายในห้องเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งธรรมชาติที่แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายของประเทศนิวซีแลนด์ได้มากยิ่งขึ้น

ไม่ว่าช่วงเวลาไหนก็สามารถเนรมิตบรรยากาศภายในบ้านให้พิเศษสุดดุจดินแดนในฝัน ได้ด้วย ดูลักซ์ อินสไปร์ ชุดพาเลทท์สี ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ ‘คัลเลอร์ ออฟ เดอะ เวิร์ล’ (Colours of the World) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสถานที่ท่องเที่ยวทั้ง 9 ประเทศที่มีเอกลักษณ์และความโดดเด่นเฉพาะตัว จนเกิดเป็นชุดพาเลทท์สีทั้ง 9 โทนสีที่สวยงาม โดยในแต่ละโทนสีประกอบไปด้วยสีต่างๆ มากถึง 6 เฉดสี จึงผสมผสานและถ่ายทอดออกมาเป็น 54 เฉดสีใหม่ ที่พร้อมรังสรรค์ทุกบรรยากาศของบ้านให้เต็มไปด้วยสีสันแห่งความงดงามดุจดินแดนในฝันได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นโทนสีส้มอมน้ำตาลอันอบอุ่นจากประเทศออสเตรเลีย สีเหลืองประกายทองที่มีชีวิตชีวาจากประเทศไทย ชุดเฉดสีเอิร์ธโทนอันน่าเกรงขามจากประเทศแอฟริกา และชุดสีอื่นๆ อีกมากมาย ที่มีมาให้เลือกสร้างสรรค์เฉดสีสวยได้ดุจดั่งใจต้องการ โดยสามารถจำลองการออกแบบโทนสีสวยได้ด้วยแอปพลิเคชั่น Dulux Visualizer (ดูลักซ์ วิชวลไลเซอร์) เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากดูลักซ์ ที่พร้อมช่วยให้คนรักบ้านสามารถจำลองการออกแบบสีห้องได้เสมือนจริงแบบเรียลไทม์ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นได้ฟรีผ่านโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ ระบบ Android

มากไปกว่านั้น ดูลักซ์ อินสไปร์ สีน้ำอะครีลิคสำหรับทาภายใน ยังมาพร้อมคุณสมบัติยึดเกาะผนังได้ดีเยี่ยม ไม่หลุดร่อนง่าย อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยสุดยอดเทคโนโลยี โครมาไบรท์ (Chroma Brite) ช่วยยืดอายุของสีให้สวยคงทนได้ยาวนานโดยไม่ทำให้ซีดจางไว จึงพร้อมปกป้องสีบนผนังของบ้านให้สวยสดใสได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แถมยังง่ายต่อการทำความสะอาด เพราะสามารถเช็ดล้างทำความสะอาดได้ และไม่ผสมสารตะกั่วและปรอท มากไปกว่าคุณสมบัติสุดพิเศษแล้ว สีทาภายใน ดูลักซ์ อินสไปร์ ยังพร้อมเนรมิตบรรยากาศภายในบ้านให้เต็มไปด้วยสีสันเสมือนดินแดนในฝันได้ในทุกช่วงเวลา   เพราะสถานที่มักส่งผลต่ออารมณ์และความรู้สึก ทั้งช่วยสร้างชีวิตชีวา เพิ่มพลังในการใช้ชีวิต หรือมอบความผ่อนคลายที่แสนสบายในทุกๆ ย่างก้าวที่เดินทาง แต่คงจะดีกว่าหากเราสามารถเก็บรายละเอียดอันงดงามจากสถานที่เหล่านั้นและสามารถหยิบมาผสมเป็นการตกแต่งภายในบ้านด้วยโทนสีสวยที่มีเสน่ห์  ไม่ว่าจะเป็นวันที่แสนเหนื่อยล้าหรือวันที่อยากใช้ชีวิตอย่างเนิบช้า ณ สถานที่ใดสักแห่ง พื้นที่ภายในบ้านก็สามารถกลายเป็นดินแดนในฝันได้ตามใจปรารถนา

สนใจโครงการคอนโดใหม่ สามารถติดตามได้ที่นี้



วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ห้องน้ำสวยชนะเลิศด้วย 8 วิธีการเก็บของในห้องน้ำ เก็บอย่างไรให้มีสไตล์

8 วิธีการเก็บของในห้องน้ำขนาดเล็ก เพื่อห้องสวยชนะเลิศ

ในวันที่รูปแบบห้องน้ำ ไม่ว่าจะเป็นคอนโด หรือบ้านของคุณ ได้เปลี่ยนแปลงไป ไม่ใช่เพียงแค่ประโยชน์จากใช้สอยที่ต้องคำนึงถึง แต่ความสวยงามของมันก็ควรไม่เป็นสองรองใคร งั้นเรามาดูไอเดียการจัดเก็บของในห้องน้ำที่อาจจะช่วยให้ห้องน้ำของคุณ สวย สะอาดและอยู่เสมอ
วันนี้เรามีเทคนิคต่างๆ ใหม่ๆ ในการจัดชั้นวางของในห้องน้ำ มาฝากกันครับ นอกจากจะเพิ่มประโยชน์การใช้สอยได้แล้ว ยังช่วยให้ห้องน้ำสวยโดดเด่นไม่ซ้ำกับใครอีกด้วย มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ

ชั้นวางของใต้อ่างล้างหน้า ไม่จำเป็นจะต้องแอบซ่อนหลังบานพับตู้หรือประตูอีกต่อไป คุณสามารถโชว์ที่เก็บของสุดเก๋ ด้วยตะกร้าเก็บของหลากหลายขนาด เพื่อสามารถจัดของใช้หลายประเภท เพื่อความง่ายต่อการหยิบนำมาใช้สอย และยังเพิ่มความเป็นระเบียบภายในห้องน้ำได้อีกด้วย ไม่ใช่เพียงแค่ตู้เก็บของแบบธรรมดาในห้องน้ำ การเพิ่มขนาดตู้ทรงสูงจากอ่างถึงฝ้าเพดาน สามารถเพิ่มพื้นที่เก็บของได้มาก รวมไปถึงสร้างความแปลกใหม่แบบไม่ซ้ำใครได้อีกด้วย

Hidden Storage  รูปแบบของการตกแต่งห้องน้ำนี้ออกจะเหมาะกับสาวๆแนวหวานอยู่ซักหน่อย เพราะการนำเอาผ้าขนหนู เข้ามาใช้งาน ทำให้ห้องน้ำมีความอ่อนหวานน่ารักขึ้นเป็นกองเลย  ทางเลือกหนึ่งที่จะสามารถสร้างพื้นที่ ให้ดูมีความนุ่มนวล พริ้วไหว แต่ยังแฝงความน่ารักอยู่ สามารถทำได้โดยติดผ้าจีบระบายให้กับอ่างล้างหน้าตัวโปรด หรือใช้ผ้าเช็ดตัวโทนสีสดใสมาพาดเอาไว้ที่ราว รวมทั้งเรายังสามารถใช้ประโยชน์โดยใช้บังสิ่งของที่อยู่ด้านใต้ได้อีกด้วย



Matching Cabinets วิธีนี้จะเน้นการใช้ประโยชน์ใช้สอยให้ห้องน้ำอย่างมาก เป็นการเน้นให้จุของได้เยอะๆ ในขณะเดียวกันก็พยายามสร้างความแปลกตาให้กับการตกแต่งในห้องน้ำ มีเอกลักษณ์ มีความกลมกลืน รวมทั้งสามารถสร้างความโดดเด่นไปอีกแบบ

Floating Shelf  ถ้าหากว่าห้องน้ำของคุณมีพื้นที่ค่อนข้างมากและมีผนังที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ใดๆ การเพิ่มประโยชน์ให้กับผนังที่ว่างเปล่า โดยการติดชั้นวางของลอยตัวบางเบาไว้ในบริเวณที่ไม่ค่อยได้เข้าไปใช้งาน เช่น เหนือชักโครก เท่านี้ก็เพิ่ม space พิเศษและ function ให้กับผนังของห้องน้ำได้

Surrounding Shelf  สำหรับในบริเวณห้องน้ำที่แคบและมีบริเวณน้อย ชั้นวางของแบบบางเบา ติดตั้งตามขอบผนังล้อมรอบอ่างล้างมือเป็นการเพิ่มพื้นที่เก็บของ สามารถวางขวดสบู่ รวมถึงครีมต่างๆไว้ด้านบน ในขณะที่ด้านล่างยังสามารถออกแบบไว้แขวนผ้า เพิ่มความพิเศษด้วยการใช้อ่างล้างมือขนาดใหญ่ที่ทำให้สามารถใช้งานได้พร้อมกันหลายคน ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจนะคะ
เทคนิคสำหรับการตกแต่งชั้นวางของ โดยการสร้างความน่าสนใจให้กับเคาน์เตอร์โดยนำตะกร้าเก๋ๆมาไว้สำหรับใส่ของ อาจจะเป็นขวดโหลสวยๆ กับแจกันดอกไม้ วางคู่กันกับรูปภาพสวยๆก็เพิ่มความน่าสนใจได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

Dual Storage จากอ่างล้างหน้าคู่ที่ไม่มีความพิเศษใดๆ เราอาจปรับเปลี่ยนให้กลายมาเป็นชั้นเก็บของคู่ โดยติดชั้นวางของหินอ่อนวางด้านใต้เพื่อให้เข้ากับ top counter หรืออาจใช้วัสดุอื่นๆก็ได้ ทำให้การออกแบบห้องน้ำดูน่าสนใจมากขึ้น

ขอขอบคุณข้อมูลดีจาก : forfur.com
สนใจหาข้อมูล โครงการคอนโดใหม่ ติดตามได้ที่นี้ครับ

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เคล็ดลับ13 วิธีการจัดห้องนอนขนาดเล็ก

13 วิธีจัดห้องนอนของคอนโดขนาดเล็ก

ถึงทุกวันนี้จะคอนโดราคาถูกมีพื้นที่น้อยก็เถอะ แต่ถ้าหากจัดถูกหลักแล้วห้องแคบก็ดูกว้างได้เช่นกันค่ะ ตกแต่งห้องนอนเล็ก ๆ อย่างไรให้สวยห้องนอนในที่พักอาศัยแบบ City Life ของคนเมืองยุคนี้มักจะมีพื้นที่น้อย แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะมีความสุขอยู่ในห้องนอนเล็กๆของเราไม่ได้นะคะ
ห้องนอนในที่พักอาศัยแบบ City Life ของคนเมืองยุคนี้มักจะมีพื้นที่น้อย แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะมีความสุขอยู่ในห้องนอนเล็กๆของเราไม่ได้นะคะ วันนี้จึงนำเทคนิคที่น่าสนใจ 13 วิธีการตกแต่งห้องนอนเล็กๆ ของคอนโดมิเนียมมาฝากเพื่อนๆ กันค่ะ

1. จัดเตียงให้เด่น : เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เพียงชิ้นเดียว คุณอาจนำเทคนิคนี้ไปใช้ได้ง่ายๆ โดยการออกแบบลวดลายกราฟฟิกในสไตล์ของคุณเอง โดยนำมาเพ้นท์หรือใช้เทคนิคสเตนซิลลงบนไม้ medium density fiberboard (MDF) ที่หาซื้อได้ทั่วไป หรือถ้าใครงบน้อยหรืออยากประหยัดเวลาก็อาจเลือกซื้อกระดาษหรือวอลเปเปอร์ลายกราฟฟิกเก๋ๆมาปิดหัวเตียงได้เลย ค่ะ ที่สำคัญที่สุดอย่าลืมเลือกปลอกหมอนสีสันสดใสและลวดลายโดดเด่นมาตกแต่งให้เข้าชุดกันด้วยนะคะ
2. ลวงตาให้ห้องดูสูง : ผ้าคลุมที่ทิ้งตัวลงมาเหนือหัวเตียง ช่วยพรางให้ฝ้าเพดานดูสูงขึ้น การเพิ่มเส้นตั้งให้กับผนังห้องจะช่วยทำให้เรารู้สึกว่าฝ้าเพดานของห้องนั้นสูงขึ้นได้ คุณอาจใช้วอลเปเปอร์ลายทางแคบๆ สีโทนเย็น ผ้าม่านที่ให้ริ้วเป็นเส้นแนวตั้ง หรือลวดลายของผ้าที่หุ้มประดับเครื่องเรือนเป็นลายทางลง นอกจากนี้การเลือกใช้วัสดุที่เบาบางอย่างผ้าฝ้าย คู่สีที่สว่างเย็นคือฟ้า-เหลือง และยังช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นโรแมนติกภายในห้องนอนได้อีกด้วย

3. การเลือกใช้เตียงนอน : การเลือกใช้สีที่ทาผนัง และเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องก็ทำให้รู้สึกว่าห้องกว้างขึ้นได้หากว่าห้องของคุณเป็นห้องที่มีเพดานต่ำ เช่นห้องที่อยู่ใต้หลังคาหรือใต้บันไดที่มีฝ้าเพดานเฉียงอย่างในภาพ เทคนิดที่อาจช่วยให้มุมมองห้องดูกว้างขวางขึ้นได้คือการเลือกใช้สีอ่อนทาผนังห้อง และซ่อนขอบห้องหรือมุมห้องไม่ให้มองเห็นได้ชัด เช่นเฟอร์นิเจอร์เข้ามุมขนาดเล็ก การเลือกใช้สีของชุดเครื่องนอนที่มีสีสันสดใสและเป็นลายขวางขนาดใหญ่ก็จะทำให้ห้องดูมีชีวิตชีวาและลดความคับแคบอึดอัดลง นอกจากนี้ การเลือกใช้หัวเตียงที่มีขนาดเล็ก รูปแบบเรียบง่ายและพื้นผิวมันวาวก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคสำคัญที่ทำให้ฝ้าเพดานของห้องดูสูงกว่าความเป็นจริงได้ ดูเพิ่มเติม Noble Gable Watcharapol
4. จัดเครื่องเรือนไว้ระหว่างกลาง : จัดวางเครื่องเรือนไว้ติดหน้าต่าง อยู่ระหว่างกลางของบานหน้าต่างทั้งหมด โดยปกติแล้วการจัดวางเครื่องเรือนหรือเตียงนอนไว้ติดหน้าต่างไม่ค่อยเป็นที่นิยมนักเนื่องจากเครื่องเรือนจะบังแสงและทิวทัศน์จากภายนอก จึงนิยมวางเครื่องเรือนติดผนังมากกว่า แต่สำหรับในห้องขนาดเล็กที่มีพื้นที่จำกัด การวางเตียงติดผนังจะช่วยสร้างจุดสนใจของห้องได้เป็นอย่างดี เนื่องจากสามารถใช้ประโยชน์จากแสงภายนอกเพื่อสร้างบรรยากาศธรรมชาติ และการตกแต่งบานหน้าต่างด้วยผ้าม่านก็สามารถลวงให้เรารู้สึกว่าผ้าม่านนั้นเป็นผ้าม่านของเตียงได้ โดยการเลือกใช้สีของผ้าม่านและเครื่องนอนเป็นคู่สีเดียวกัน และเสือกใช้เนื้อผ้าที่เบาบาง

5. อ่อนโยนและเบาบาง : เลือกใช้สีอ่อนหรือสีเทาสีอมเขียวทั้งบนเตียงและผนังรอบห้อง การเลือกใช้สีอ่อนรอบห้อง รวมถึงวัสดุที่ดูโปร่งเช่น ผ้าม่านบางสีขาวรวมถึงเครื่องเรือนโปร่งที่รูปทรงไม่ทึบตัน จะทำให้เกิดความรู้สึกว่าห้องนั้นมีอากาศถ่ายเท โปร่งโล่งสบายและน่าอยู่

6. ลูกเล่นที่หัวเตียง ห้องนอนสีเขียว : จัดหัวเตียงให้ดึงดูดสายตาจากผนังห้องที่แคบ หากห้องของคุณมีห้องที่แคบยาว ขาดผนังที่เหมาะสมกับการวางเตียง ไม่รู้จะวางเตียงผนังด้านไหน ลองนำเทคนิคนี้ไปสร้างผนังหัวเตียงของคุณขึ้นเองดูค่ะ ลองใช้วัสดุที่ดูอ่อนนุ่มสร้างเป็นฉากกั้นขึ้นมาคล้ายกับเป็นการใช้หัวเตียงขนาดใหญ่ นอกจากจะดูเก๋แล้วเรายังสามารถใช้ประโยชน์จากฉากนี้ ในการกั้นแบ่งพื้นที่ภายในห้องนอนได้อีกด้วย บริเวณหลังฉากอาจจัดเป็นส่วนแต่งตัวของคุณ เชื่อมต่อพื่นที่ทั้งสองส่วนด้วยเก้าอี้บุเบาะสบายน่านั่ง
7. เส้นสายของเครื่องเรือน :  เลือกใช้เครื่องเรือนที่มีผิวมันและไม่บดบังสายตามากนัก อาจทำได้โดยการนำสายตาด้วยเตียงที่มีโครงประดับ เส้นสายของโครงโลหะจะช่วยทำให้ห้องดูเพดานสูงและดูเบาขึ้นค่ะ

8. เส้นแนวตั้งโดดเด่น : ตกแต่งภายในห้องนอนโดยใช้ลวดลายทางแนวตั้งที่มีสัดส่วนขนาดใหญ่เพื่อนำสายตาจากผนังขึ้นไปสู่ฝ้าเพดาน คุณอาจเลือกใช้วอลเปเปอร์ที่มีลายทางแนวตั้งขนาดใหญ่ และม่านหนักที่สร้างลอนขนาดใหญ่เป็นจุดเด่นของห้อง เป็นเทคนิคพื้นฐานที่นิยมใช้กันโดยทั่วไปในการตกแต่งพื้นที่ขนาดเล็กค่ะ  หากว่าวางเตียงสองชั้นจะช่วยประหยัดพื้นที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย

9. เน้นหมอนอิง : ส่งเสริมความน่าสนใจของสถาบัตยกรรมให้โดดเด่น ในห้องนอนเรียบๆในจุดที่มีเหลี่ยมมุมของสถาปัตยกรรม เช่นมุมของส่วนยื่นอาคารหรือหลังคา คุณสามารถส่งเสริมจุดนั้นให้โดดเด่นขึ้นได้ โดยการตกแต่งห้องด้วยโทนสีเรียบๆ แต่สร้างจุดสนใจเฉพาะหัวเตียงให้มีสีสันสดใส โดยให้สีของหมอนอิงเป็นตัวกระตุ้น

10. แทรกระหว่างช่องว่าง : ใช้เครื่องเรือนพับได้ในการแต่งห้องนอนขนาดเล็ก ในภาพเป็นตัวอย่างการประกอบกันอย่างน่าสนใจของเครื่องเรือนแบบต่างๆที่ช่วยประหยัดพื้นที่ ตั้งนอนที่สามารถพับเก็บเป็นโซฟานุ่มๆ หรือตู้ที่สามารถดึงชั้นออกมาเป็นโต๊ะข้างโซฟาได้ค่ะ ใช้คู่สีที่สว่าง นุ่มนวลและเป็นธรรมชาติเฉพาะบางจุด เพื่อจะได้ไม่ดูอึดอัดจนเกินไปค่ะ

11. ระนาบผนังที่สวยงาม : ตกแต่งผนังด้วยวัสดุต่างๆ ลองใช้วัสดุสวยๆ เช่น ลูกปัด ในการตกแต่งผนัง เรียงลูกปัดในแนวตั้ง สร้างให้เกิดผิวสัมผัสที่น่าสนใจและสร้างบรรยากาศบ้านอันอบอุ่น ประดับด้วยโคมไฟคลาสสิกก้านสูง ก็ช่วยนำสายตาให้ห้องดูสูงเช่นกัน หรือติดภาพผนังให้ดูมีเรื่องราว เช่นภาพสวนแนวตั้งนี้ ก็สร้างบรรยากาสดีได้เช่นกันนะคะ ช่วยให้การแต่งห้องนอนดูสวยขึ้น

12. ผนังลึก : สร้างมิติความลึกให้กับผนัง เริ่มจากทาสีผนังด้านหัวเตียงโดยเลือกใช้สีเข้ม เพื่อให้รู้สึกถึงความลึก ขนาบด้วยผนังและฝ้าเพดานสีขาวเพื่อเสริมให้ผนังสีเข้มดูลึกขึ้นอย่างชัดเจน เชื่อมโยงกันด้วยผ้าม่านและผ้าบุหัวเตียงที่ใช้คู่สีของผนังทั้งสอง จากนั้นเลือกใช้อีกคู่สีหนึ่งที่โดดเด่น แต่ก็สามารถเข้ากันได้กับสีผนัง มาเป็นผ้าปลอกหมอนอิงและผ้าประดับต่างๆ
13. สะท้อนมุมมอง :ใช้บานกระจกขนาดใหญ่สะท้อนมุมมองของห้องใหญ่กว้างขึ้น ควรเลือกใช้บานกระจกที่มีความสูงมาพิงผนัง อย่าลืมดูว่าบานกรอบของกระจกนั้นควรมีสีสันและวัสดุที่เหมาะสมกับเครื่องเรือนอื่นๆด้วยนะคะ กระจกจะช่วยสะท้อนมุมมองของห้องให้กว้างขึ้นอีก และจะดูสมจริงมากขึ้นหากกระจกได้สะท้อนแสงธรรมชาติจากหน้าต่างหรือโคมไฟภายในห้อง คราวนี้รู้หลักง่ายๆกันแล้วก็มาเปลี่ยนห้องนอนเล็กให้สวยสมใจกันเถอะค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : forfur.com

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

4 ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจที่จะซื้อขายคอนโด

ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อขายคอนโดมิเนียม

ข้อควรรู้ 4 ข้อที่คุณไม่ควรจะหลวมตัวเชื่อ ก่อนจะซื้อ คอนโด เพื่อมาลงทุน 

โดยในปัจจุบันสำหรับ คอนโดมิเนียม นั้นก็แทบจะเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่มีการเปิดตัว ทั้งยังเปิดจอง และเปิดพรีเซลล์กันเกือบทุกอาทิตย์ การแข่งกันในเรื่องของทำเล ราคา การออกแบบ เรียกว่าอาจจะมากกว่าจำนวนผู้ที่ต้องการซื้อคอนโดใหม่เสียด้วยซ้ำ แต่ว่าคุณรู้หรือไม่ว่าในกระแสการโปรโมทต่างๆ นั้นส่วนหนึ่งอาจจะเป็นหลุมพลางและทำให้คุณหลงตัดสินใจจอง และซื้อคอนโดมิเนียมโครงการนั้นโดยไม่ได้ยั้งคิด ดังนั้นทางเราจึงมีคำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกซื้อคอนโดอย่างไรแบบที่คุณจะไม่ตกหลุมของพวกนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มี 4 ข้อสั้นๆ อ่านไว้ก่อนจะตัดสินใจเลือกซื้อคอนโด ข้อที่ 1. จงอย่าหลงเชื่อการโปรโมทของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใช้เงินลงทุนในธุรกิจจำนวนมาก รวมทั้งยังใช้เงินจำนวนมากหมดไปกับการโปรโมทสินค้าตัวใหม่ของเขา ดังนั้นคุณอย่าหลงเชื่อเพียงซึ่งสำหรับแผนการตลาดต่างๆ มันก็ต้องคำนวณถึงความคุ้มค่าในการซื้อขายในอนาคต ซึ่งแค่คิดแค่ว่าคุณจะยอมจ่ายเงินมหาศาลเพื่อให้ได้มาซึ่งเพื่อนและครอบครัวที่ดีเสมอไป ข้อที่ 2. คุณควรแน่ใจว่าคุณจะขายคอนโดนั้นได้อย่างแน่นอนก่อนที่คุณจะเซ็นรับมอบ คุณไม่ควรตัดสินใจซื้อคอนโดที่โครงการห่างไกลจากการก่อสร้าง เพราะว่ากว่าที่คอนโดของคุณนั้นจะทำจะเสร็จ ในคอนโดของคุณจะถูกกำหนดราคาโดยราคาคอนโดในท้องตลาด ที่มันต่ำกว่าราคาคอนโดที่คุณซื้อมาตั้งแต่แรก ข้อที่ 3. จงซื้อโดยไม่มีแรงจูงใจหรือไม่มีการวางแผน โดยก่อนที่คุณนั้นจะตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อการลงทุน คุณควรมีความรู้ความเข้าใจ และ มีการวางแผนในหลายๆ เรื่องด้วย ข้อที่ 4.จงเล็งเห็นถึงต้นทุน และ รายได้ที่จะได้มา ซึ่งแต่ละคนก็จะได้รับความเสี่ยงในการลงทุนได้แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อคอนโดเพื่อการลงทุน ควรหันกลับไปคิดถึงแผนที่คุณวางไว้ ถ้าคุณมีแรงจูงใจในการซื้อมันก็ถือว่าคุณวางเงินลงทุนไว้ในที่ๆ เหมาะสม นี่เห็นไหมคะว่ากับดักเหล่านี้อาจทำให้คุณพลาดพลั้งได้ง่ายๆ ดังนั้นก่อนตัดสินใจจ่ายเงินจำนวนมากก็ต้องคิดหนักๆ นะคะ

เคล็ดลับควรรู้! ขายคอนโดให้ได้ราคางามตามฉบับมืออาชีพ

ขายบ้าน
 (ขอบคุณภาพประกอบจาก people.hgtv.com )

คอนโดไม่ได้กลายเป็นแค่ที่อยู่อาศัยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ว่าในพื้นที่แห่งนี้ มันก็ยังกลายเป็นหนึ่งในทางธุรกิจการซื้อขายที่ช่วยสร้างกำไรให้กับเหล่านักลงทุนที่มีความรู้ ในส่วนคนที่เป็นมือใหม่และหันมาจับทางการซื้อ - ขายคอนโดเป็นอาชีพหลัก นั้นก็อาจจะยังกลัวๆ กล้าๆ กับการลงทุน ซึ่งก็อาจจะไม่
 (ขอขอบคุณภาพประกอบจาก decoholic.org )

มั่นใจกับผลการตอบแทนว่าจะขาดทุนหรือได้กำไร ขอขอบคุณภาพประกอบจาก http://decoholic.org/ สำหรับบางกลุ่มที่ยังเป็นมือใหม่ และซื้อแล้วใจร้อนไม่มีการหาข้อมูลวิธีการเพิ่มมูลค่าให้ดีก่อน ก็ต้องกลายเป็นว่าต้องใช้เวลาในการขายนานขึ้น แถมด้วยบางคนรีบลดราคากระหน่ำเพราะคิดว่ามันคงจะขายไม่ออก จึงทำให้กลายเป็นความล้มเหลวในธุรกิจนี้กันมาแล้วหลายต่อหลายคน และหากใครกำลังประสบปัญหานี้ หรือเพิ่งริจะเริ่มต้นเป็นผู้ขายคอนโดให้ดูเหมือนมืออาชีพ ควรเน้นการทำกำไรแบบงามๆ แล้วล่ะก็ ถ้าอย่างนั้นก็ลองมาดูคำแนะนำดีๆ จากเราต่อไปนี้เพื่อนำไปใช้ในการต่อยอดกันดีกว่าค่ะ
 
( ภาพประกอบจาก decoholic.org )
1. มาเริ่มต้นด้วยการดูงบประมาณของตัวเองก่อน สำหรับสิ่งสำคัญที่สุด ในการลงทุนคือประเมินความสามารถทางด้าน งบประมาณของตัวเองให้ดีก่อน เพื่อที่จะได้เลือกระดับของคอนโดว่าต้องการให้มันออกมาอยู่ในรูปแบบไหน เพราะหากงบน้อยจำเป็นที่จะต้องเลือกซื้อคอนโดราคาถูกลงมา เพื่อให้เหลือเงินทุนอีกส่วนหนึ่งสำหรับใช้ตกแต่งภายในด้วย
(ภาพประกอบจากpalletfurniturediy.com) 

2.มองหาหรือเลือกคอนโดให้ได้ราคาดี ซึ่งเมื่อคุณมีเงินทุนตามสมควรก็มาถึงขั้นตอนการเลือกซื้อคอนโดที่เหมาะสมให้กับตัวเอง โดยเน้นว่าคอนโดนั้นจะต้องเพิ่มมูลค่าให้ได้มากขึ้นเมื่อทำการขาย สำหรับมือใหม่นั้นควรจะทราบว่าในคอนโดจะมีให้เลือกด้วยกัน 2 ประเภท ก็คือ คอนโดแบบที่สร้างเสร็จแล้ว จะเห็นตัวห้อง และสภาพของคอนโดโดยรวมอย่างชัดเจน และแบบที่กำลังอยู่ในช่วงของการก่อสร้าง โดยแบบแรกจะให้ข้อดีตรงที่สามารถมั่นใจได้ว่าห้องที่เราเลือกซื้อคุ้มค่ากับราคาแบบไม่ต้องมานั่งจินตนาการว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหนและน่าพึงพอใจหรือไม่ แต่ในแบบที่สองนั้นจะมีความเสี่ยงหากโครงการนั้นไม่มีมาตรฐานในการสร้าง แต่ว่า ข้อดีของมัน ก็คือ การช่วยเกร็งกำไรของห้องให้มีราคาสูงขึ้น จนกว่าคอนโดจะสร้างแล้วเสร็จ ซึ่งมักจะใช้เวลากันประมาณ 1 - 2 ปี โดยประมาณ
 ขอขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.apartmenttherapy.com/ 

ซึ่งในส่วนถัดมาคือการเลือกทำเลที่ตั้ง เป็นเรื่องปัจจัยที่จะช่วยให้เหล่าผู้ซื้อตัดสินใจเลือกได้ง่ายขึ้น ส่วนนี้ถือได้ว่าเป็นหัวใจหลักของการลงทุนในธุรกิจเลยก็ว่าได้ ทีนี้ที่คุณต้องทำการศึกษาปัจจัยความพึงพอใจของผู้เช่าซื้อทั้งหลาย ทำเลที่ดีดูไม่ยาก ให้เน้นความสะดวกสบายในการเดินทาง อยู่ใจกลางแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งควรมีธรรมชาติร่มรื่น ทั้งเงียบสงบ และ ก็สามารถเชื่อมต่อกับการทางรถไฟฟ้า หรือรถไฟใต้ดิน และ คมนาคมสาธารณะได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย และสิ่งเหล่านี้ มันก็จะช่วยให้การสร้างกำไรในธุรกิจซื้อขายคอนโดได้มากกว่าขาดทุน แต่ว่าก็อย่าลืมว่านอกจากที่กล่าวไปข้างต้น ว่ายังมีสิ่งที่เราต้องใส่ใจอีกหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้มากกว่าเดิมด้วยการตกแต่งภายใน ส่วนการเลือกหาเจ้าของโครงการที่น่าเชื่อถือเอาไว้ ก็เป็นตัวช่วยสร้างรากฐานของเราให้มั่นคงได้อีกทางหนึ่งด้วย

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

The Diplomat Sathorn คอนโดหรู ใจกลางเมือง แหล่งธุรกิจที่สาทร

The Diplomat Sathorn  คอนโดหรู ใจกลางเมือง แหล่งธุรกิจที่สาทร 


คอนโดมิเนียมที่เหมาะกับคนใช้ชีวิตในเมือง ทำงานหรือมีลูกๆเรียนในละแวกย่านสีลม สาทร ไปมาด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก หรือเลือกเดินทางด้วยรถในเวลาไม่เร่งรีบ ขึ้นทางด่วนออกเมือง หรือใช้สาทรเข้าเมืองก็สะดวก ใกล้สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ชอบความหรูหราและส่วนกลางที่จัดเต็ม โครงการคอนโดใหม่ใจกลางเมืองที่สาทรกับ The Diplomat Sathorn เป็นโครงการที่ 3 ของ KPN ที่เคยพัฒนาโครงการอย่าง The Capital ราชปรารภ-วิภาวดี และ The Capital เอกมัย-ทองหล่อ โดยตอนนี้ก็ขยับมาจับ Prime Location ที่สาทร ติดรถไฟฟ้าสุรศักดิ์ โดยมี Sales Gallery ตั้งอยู่ทีเดียวกับที่ตั้งโครงการ ติดกับโรงแรม Mode สาทร เราลองมาดูรายละเอียดเลย

รายละเอียดของโครงการ
ชื่อโครงการ : เดอะ ดิโพลแมท สาทร / THE DIPLOMAT SATHORN
เจ้าของโครงการ : เค.พี.เอ็น. กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น / KPN Group Co., Ltd. (ขายโดย CBRE)
คอนโดมิเนียม : แบบ SUPER LUXURY CLASS High Rise 1 อาคาร 38 ชั้น 192 ยูนิต
ที่จอดรถ : 100% – 192 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน
ที่ดินทั้งหมดโดยประมาณ : 1-2-12ไร่
ลักษณะห้องและขนาดห้อง :
             1 Bedroom  /  40 – 52 ตารางเมตร
             2 Bedrooms  /  59 – 76.5 ตารางเมตร
             3 Bedrooms + Penthouse  /  85.5 – 205 ตารางเมตร
ที่จอดรถทั้งหมด : 192 คัน คิดเป็น 100%
โซน : สาทร, สุรศักดิ์, เจริญราษฎร์
ที่ตั้ง : ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ
ขนส่งสาธารณะ :  รถไฟฟ้า BTS สุรศักดิ์, ทางด่วนสาทร ทางด่วนถนนจันทน์
รถโดยสารที่ผ่าน : n/a
กำหนดการ :  n/a
ปีที่สร้างเสร็จ : พ.ศ. 2559
ราคาเริ่มต้นประมาณ : 9 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรประมาณ 200,000 บาท
สิ่งอำนวยความสะดวก
             – สระว่ายน้ำ ขนาด 28 x 7 ม. พร้อมสระเด็ก
             – ฟิตเนส
             – รปภ. และ CCTV
             – ประตู Key Card
             – สวนหย่อม
สถานที่สำคัญใกล้เคียง :
ห้างสรรพสินค้า
             1. เซ็นทรัล สีลม คอมเพล็กซ์
             2. ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน บางรัก
             3. บ้านสีลม
             4. ท็อปส์ มาร์เก็ตเพลส (สาขาสีลม)
             5. วิลล่า มาร์เก็ต (สาขาสีลม ซอยพิพัฒน์)
             6. ฟู้ดแลนด์ (สาขาพัฒน์พงศ์)
             7. ท็อปส์ ซุปเปอร์ (สาขาเซนต์หลุยส์/บางรัก)
โรงเรียน
             1. โรงเรียนเซนต์หลุยส์
             2. โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน
             3. โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก
             4. โรงเรียนอัสสัมชัญ คอนแวนต์
             5. โรงเรียนอัสสัมชัญ พาณิชยการ
             6. โรงเรียนอนุบาลเปล่าประสิทธิ์
โรงพยาบาล
             1. โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์
             2. โรงพยาบาลเลิดสิน
             3. โรงพยาบาลมเหสักข์
             4. โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน
             5. โรงพยาบาลบีเอ็นเอช
โรงแรม
             1. โรงแรมแชงกรีล่า
             2. โรงแรมโอเรียลเต็ล
             3. โรงแรมเลอบัว
             4. โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ แบงคอก สีลม
             5. โรงแรม อีสติน แกรนด์
             6. โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ ฟีนิกซ์ สีลม
             7. โรงแรม โหมด สาทร

แผนที่จากทางโครงการ



สำหรับถนนสาทรช่วงสถานีบีทีเอสสุรศักดิ์นั้นเป็นช่วงที่อยู่ใกล้กับสะพานตากสินหรือบางท่านจะชินกับคำว่าสะพานสาทร ที่จะข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปยังฝั่งธนบุรี เป็นสะพานที่รถติดกระหน่ำสุดๆในช่วงเช้าเย็น โดยเฉพาะน้องๆเปิดเทอมกัน สาหัสมาก ยังดีที่มีสถานีรถไฟฟ้าคอยให้บริการเพื่อบรรเทาการจราจรอยู่ สถานีที่ขนาบสถานีสุรศักดิ์อยู่คือสถานีสะพานตากสินและสถานีช่องนนทรี นับตั้งแต่ทางลงสะพานตากสินเข้าสู่ถนนสาทรเหนือมา จะเห็นอาคารสูงรายล้อมสองฝั่งขนานถนนสาทรไปเรื่อยๆ บริเวณนี้นับว่าเป็นใจกลางเมืองเพียงข้ามสะพานตากสินมา ความหนาแน่นของโรงเรียนจะค่อนข้างเยอะ พอถัดเข้าช่วงใกล้ถนนพระราม 4 จะเน้นอาคารสำนักงานซักส่วนใหญ่

คงจะต้องบอกว่า การคมนาคมบริเวณ BTS สุรศักดิ์นี้ เป็นหนึ่งในจุดที่ควรจะเลี่ยงเอามากๆของกรุงเทพมหานคร เพราะเป็นจุดที่ “เข้าง่ายออกยาก” มีสะพานสาทร ที่รถติดทุกวัน หางแถวยาวเป็นกิโล รถจากฝั่งพระนครจะไหลมาจากสีลม ผ่านมาทางถนนสุรศักดิ์และซอยย่อยอื่นๆ จากพระราม 4 จากนราธิวาสฯ จากถนนจันทน์ จากรัชดา รวมไปถึงจากทางด่วนลงสีลม กรูกันเข้ามาเพื่อที่จะข้ามสะพานสาทร ในขณะที่รถจากฝั่งธนก็เทเข้ามาฝั่งนี้ไม่น้อยเหมือนกัน ทำให้การจราจรตรงนี้ติดหนักอย่างเลี่ยงไม่ได้

หนำซ้ำ ถนนสาทรช่วงนี้ ที่กลับรถมีแค่ตรงหน้าโรงพยาบาลบางรัก กลับรถที่สี่แยกสาทร-นราธิวาสไม่ได้ (นี่ยังไม่ได้พูดถึงรถจากสี่แยกอีกนี้นะ) กลับรถที่แยกสาทร-สุรศักดิ์ก็ไม่ได้ ถนนหลายจุดถูกปรับเป็นวันเวย์ในเวลาโรงเรียนเข้า-เลิก ทั้งโรงเรียนอัสสัมชัญฝั่งสาทรใต้และโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนฝั่งสาทรเหนือ ถ้าจะบอกว่าจุดที่ทำรถติดลามไปจนถึงถนนเส้นอื่นๆบริเวณนี้ที่กล่าวมา คือสี่แยกนี้ ก็คงจะไม่ผิด

ข้อแนะนำการเดินรถในทำเลนี้ต้องสังเกตให้ดีนะ ว่าเดินรถทางเดียวไหม บางจุดสามารถกลับรถได้ช่วงเวลาไม่เร่งด่วน การจราจรบนเส้นถนนสาทรติดขัดขึ้นอันดับของกรุงเทพอยู่แล้ว ยังดีที่มีทางขึ้นลงทางด่วนศรีรัชใกล้ๆทำให้ร่นระยะเวลาไปได้เยอะ

สำหรับห้องของโครงการจะแบ่งออกเป็น 4 Type

1 Bedroom ขนาด 40 – 52 ตร.ม.

2 Bedrooms ขนาด 59 – 76.5 ตร.ม.

3 Bedrooms ขนาด 85.5 – 99.5 ตร.ม. และ Penthouse ขนาด 133 – 205 ตร.ม.(เพดานสูง 4 ม. พร้อมสระว่ายน้ำเป็นแบบ Semi-indoor จำนวน 3 ยูนิต)

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 25/10/2013
  • 1 Bedroom ชั้น 11 Type A3 ห้อง 1106 เนื้อที่ 45.00 ตารางเมตร ราคา 9,951,752 ล้านบาท หรือ 221,150 บาทต่อตารางเมตร
  • 1 Bedroom ชั้น 17 Type A2 ห้อง 1702 เนื้อที่ 42.50 ตารางเมตร ราคา 9,477,381 ล้านบาท หรือ 222,997 บาทต่อตารางเมตร
  • 2 Bedroom ชั้น 13 Type B5 ห้อง 1306 เนื้อที่ 76.50 ตารางเมตร ราคา 17,084,143 ล้านบาท หรือ 223,322 บาทต่อตารางเมตร
  • 3 Bedroom ชั้น 26 Type C1 ห้อง 2608 เนื้อที่ 85.50 ตารางเมตร ราคา 19,825,128 ล้านบาท หรือ 231,872 บาทต่อตารางเมตร
  • Fully Furnished
  • เพดานสูง 3-4 เมตร
  • จอง 1 ห้องนอน 50,000 บาท 2 ห้องนอน 100,000 บาท
  • ทำสัญญา 14 วันหลังจอง
  • ค่ากองทุน 800 บาทต่อตารางเมตร
  • ค่าส่วนกลาง 80 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
The Diplomat Sathorn นั้นเป็นคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง ที่ติดรถไฟฟ้า โดยไม่ได้ขายเพียงแค่คำว่าใกล้ แต่เป็นคำว่า ติด เลยทีเดียวซึ่งไม่ได้แค่คำโฆษณาเท่านั้นเพราะเนื่องจากมีบันไดเลื่อนขึ้นพาดอยู่บริเวณด้านหน้าของโครงการ และยังอยู่ในตำแหน่งที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจและโรงเรียนเอกชนทั้งหลาย ทางเข้าออกโครงการอยู่ติดถนนสาทร และสถานีสุรศักดิ์ในอนาคตนั้นจะกลายเป็นสถานีสุดท้ายก่อนข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปยังฝั่งธนฯเนื่องจากการยกเลิกสถานีสะพานตากสินเพื่อการระบายผู้โดยสารที่เร็วขึ้นจากการเปิดส่วนต่อขยาย การเดินทางไปขึ้นท่าเรือนั้นจะมี Sky Walk ที่มีทางเลื่อนอัตโนมัติเข้ามารองรับแทน ทำให้ไม่จำเป็นต้องนั่งรถไฟฟ้าไปอีกป้ายเพื่อขึ้นเรือแล้ว

สภาพชุมชนนั้น บริเวณใกล้สถานีไม่ค่อยมีสิ่งอำนวยความสะดวก หรือสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยเท่าไรนัก มีเซเว่นที่เพิ่งจะเปิดได้ไม่นานที่ ชาร์ตเตอร์ สแควร์ ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารสำนักงาน โรงเรียน หรืออาคารพาณิชย์ต่างๆมากกว่า ส่วนที่อยู่อาศัยจะอยู่ลึกเข้าไปในซอย เซนต์หลุยส์ทางฝั่งสาทรใต้ และสีลมทางฝั่งสาทรเหนือ ซึ่งสภาพแวดล้อมจะแตกต่างจากถนนใหญ่มาก น่าอยู่กว่ามาก สิ่งอุปโภคบริโภคหาได้ง่ายกว่า แต่มีความเป็น Local มาก คนที่ไม่ชินอาจจะไม่ชอบ ใกล้สถานีมลพิษค่อนข้างเยอะเนื่องจากอยู่ใกล้สี่แยก และสาทรเป็นถนนเส้นใหญ่ 8 เลน ทำให้สภาพชุมชนโดยรอบของสถานีนี้ไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไร

การเดินทางด้วยรถ สะดวกมาก เพราะติดถนนใหญ่ แต่เป็นเส้นที่รถติดกันสาหัสเลยทีเดียว ช่วงเวลาเช้าเย็นหรือโรงเรียนเข้าและโรงเรียนเลิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรุงเทพคริสเตียนข้างๆตึกนี่ละ โชคดีหน่อยฝั่งสาทรเหนือตอนค่ำๆรถไม่ค่อยติดเท่าไหร่ แต่เวลาเร่งด่วนช่วงเช้านี่ลืมไปได้เลย แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาปกติก็ชิวๆนะ รถสะสมไม่มาก ระบายได้เรื่อยๆและยังไปขึ้นทางด่วนโดยเข้าถนนประมวญไปทะลุศรีเวียงออกสุรศักดิ์เพื่อขึ้นศรีรัชได้ไม่ยาก นอกจากช่วงเปิดเทอมที่จะอภิมหาติดแล้ว อีกช่วงคือช่วงแห่พระแม่อุมาเทวีนี่ผ่านหน้าโครงการแน่ๆ อันนี้ปิดถนนเลย ซึ่งจะมีเทศกาลนี้ทุกๆปีช่วงปลายๆปี

การเดินทางไม่ใช้รถ สะดวกสุดๆ บีทีเอสทางขึ้นที่ผ่านหน้าโครงการ อาจจะวุ่นวาย ไม่ได้เงียบสงบตามภาพ Render ที่ออกมาเพราะตามปกติ จะมีข้าวของขายริมถนน เด็กๆจะซื้อกันเพียบเลยนะ แต่ก็สะดวกมากๆ นอกจากนี้ยังมีรถแดง 7 บาทที่เดินทางไปบางรัก ท่าเรือได้อีกด้วย

วัสดุโครงการให้มาแบบจัดเต็ม รวมทั้ง Fully Furnished ของที่ให้มาก็เป็นของดี หิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย ตัววัสดุพื้นก็เป็น Engineering Wood ห้องน้ำ ให้อุปกรณ์ ก๊อกน้ำ, ฝักบัว ยี่ห้อ Kohler และสุขภัณฑ์ ยี่ห้อ Villeroy & Boch ส่วนเตรียมอาหาร ให้ชุดเคาน์เตอร์ครัว Top หิน Quartz Silestone พร้อมเตาไฟฟ้าแบบ 2 หัว และไมโครเวฟ ยี่ห้อ Kuppersbusch พร้อมชุดอ่างล้างจาน Teka , ที่ดูดควัน Teka และตู้เย็นแบบ Built-in ฝังในชุดเคาน์เตอร์ครัวยี่ห้อ Teka , เครื่องปรับอากาศ แบบ Spilt -Type ของ Daikin แบบนี้สวยงามแต่จะลำบากในการดูแล

ในเรื่องของแบบอาคารนั้นมีการนำเอากลิ่นอายของ Existing เดิมที่เป็นบ้านของเจ้าพระยามาถอดรายละเอียดไว้ในอาคารส่วน Podium และด้าน  Tower จะเป็นลักษณะ Modern ซึ่งทำให้ เวลาเดินมาระดับสายตาจะเห็นอาคารแนวคลาสิค เรียบหรู แต่เมื่อมองจากรถไฟฟ้า หรือมุมสูงนั้นจะเห็นเป็นอาคารหน้าตา Modern ในเรื่องของวิว นั้นด้านที่ติดกันกับ Mode ไม่มีเปิดวิวออกสู่ด้านนี้เลย จะมีด้านหลังที่มองไปทางทิศเหนือ ต้องหลบอาคาร  BCC ของกรุงเทพคริสเตียนซักหน่อย มาที่ห้องพักกันดีกว่า ฝ้าเพดานของโครงการจัดมาให้สูงเลยคือ 2.7-3 เมตรและ 4 เมตรใน Penthouse แต่สำหรับห้องตัวอย่าง 1 ห้องนอนนั้นไม่มีระเบียงซึ่งบางท่านที่อยู่คอนโดไม่ชอบ แต่บางท่านชอบ ต้องขยับไปดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น ที่เห็นชัดเจนของแบบห้องที่นี่คือเรื่องพื้นที่เก็บของที่มีแทรกอยู่ให้เยอะดีนะไหนๆก็จัด Fully Furnished มาให้ ทำชั้นเก็บของมาให้ด้วยเลย นับว่าเป็นดีนะ เพราะคอนโดอยู่ๆไปของก็เยอะขึ้นแต่ที่เท่าเดิม แต่สำหรับพื้นของบางส่วนยังใช้เป็นวัสดุเดียวกันเช่นครัวและซักล้าง เป็น Engineer Wood อยู่ซึ่งจะดูแลลำบากเรื่องความชื้น

สาธารณูปโภคของโครงการจัดมาให้แบบเยอะดีนะ นอกจากมาตรฐานของคอนโดมิเนียมสมัยนี้แล้วยังมีส่วนอื่นๆที่เพิ่มความพิเศษกับโครงการ อย่าง Kid’Zone , Diplomat Club , Cigar Lounge , Oval ในส่วน Lobby เป็นต้น และสระว่ายน้ำ Lap Pool ที่เห็น City View Fitness จะมีจุดเด่นที่เรื่องวิวเพราะอยู่ชั้นบนสุดของอาคารทำให้เห็นวิวได้กว้าง , ในส่วนของที่จอดรถ มี 100% สำหรับคอนโดมิเนียมระดับราคา สองแสนอัพนี่ควรจะมีให้ตั้งนานแล้ว

Judgement
โครงการในเกรดระดับราคา SUPER LUXURY CLASS ขึ้นไป ทางเราจะงดเว้นการให้แนนเรื่องความคุ้มค่านะ เช่นเดียวกันกับโครงการอื่นๆในระดับราคาเดียวกัน
ทำเล – ใจกลางเมือง ศูนย์กลางธุรกิจ และโรงเรียนเอกชน แต่การเดินหาของทานแบบตลาดจะไม่มีระยะใกกล้ต้องไป บางรัก เจริญกรุง เป็นต้น
เดินทางด้วยรถ – สะดวกแต่ถนนสาทรช่วงนี้รถติดมหาศาลในช่วงเวลาเร่งด่วน ดีที่มีซอยทางลัดอยู่ข้างๆ
ไม่ใช้รถ – มีรถไฟฟ้าด้านหน้าของโครงการเลย
วัสดุ – สวย ถือว่าให้มาเหมาะสมกับราคา และยัง Fully Furnished
แบบ – ทำห้องออกมาได้ดี ชอบห้องน้ำห้องใหญ่
สาธารณูปโภค – จัดมาให้เยอะ และหรูหรามีจุดเด่นหลายที่
SUPER LUXURY CLASS
NOT JUDGED

รูปภาพเพิ่มเติม

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : thinkofliving.com